ต้น

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เอาไงว่ากันไปกับ "ส.บอลไทย"

รูปภาพ

รถถังฝั่งชล และผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ออกมาชี้แจงข้อกำหนดของฟีฟ่า ว่าไม่เป็นไปอย่างที่ "บังยี" อ้างไว้



อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี และ พินิจ งามพริ้ง 1 ในแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ไม่ได้บังคับว่าการเลือกตั้งประมุขบอลต้องใช้ 72 เสียง ตามที่ วรวีร์ มะกูดี นายใหญ่คนปัจจุบันหวังเปลี่ยนธรรมนูญข้อบังคับใหม่โดยอ้างตามกฎลูกหนังโลก พร้อมจี้การกีฬาแห่งประเทศไทยระบุวันหย่อยบัตร

หลังจากที่ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เชิญ มร.เจมส์ จอห์นสัน ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เข้าหารือกับทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดย "บังยี" เผยว่าเตรียมเสนอใช้มติการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประมุขบอล วาระใหม่ที่จะมีขึ้น เหลือเพียง 72 เสียง โดยอ้างว่าเพื่อเป็นไปตามธรรมนูญข้อบังคับใหม่ของฟีฟา

ล่าสุด นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานฉลามชล ออกมาโต้ว่าถือเป็นการริดรอนสิทธิ์ทีมที่ถูกตัดสิทธิ์"วรวีร์ จะมาลดสิทธิ์การลงคะแนนของสโมสรสมาชิกเหลือเพียง 72 เสียง โดยอ้างว่าทีมที่ถูกตัดสิทธิ์เหล่านั้นเป็นทีมที่มีส่วนได้เสียน้อยกว่าทีม อื่นๆไม่ได้ เพราะทั้งหมดก็มาจากสมาคมฟุตบอลฯเองที่ไม่มีการจัดแข่งขันระบบลีกให้พวกเขา จัดแต่เพียงทัวร์นาเมนต์สั้นๆ ซึ่งทีมเหล่านั้นเสียค่าสมัครสมาชิกและค่าธรรมเนียมรายปีเหมือนกับทีมอื่นๆ และที่สำคัญฟีฟาไม่ได้บังคับว่าทุกประเทศต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นหากภายในวันที่ 17 มิ.ย. นี้ที่ครบเทอมไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น กกท.ควรจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน"

ขณะที่ด้าน นายพินิจ งามพริ้ง หัวเรือใหญ่กลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์ แสดงความเห็นในเชิงเดียวกันว่าการแก้ไขข้อบังคับ กับการเลือกตั้งเป็นคนละเรื่องกัน "ในธรรมนูญฟีฟาฉบับใหม่ไม่ได้มีการบังคับให้ทุกประเทศต้องทำตามเช่นเดียวกัน หมด ในข้อ 17.1 และ 17.2 ระบุว่าสมาคมสมาชิกสามารถมีอิสระในการบริหารงาน และการการดำรงตำแหน่งต่างๆจะใช้วิธีแต่งตั้งหรือเลือกตั้งได้นั้นให้สิทธิ์ กับข้อบังคับของแต่ละประเทศเอง และไม่จำเป็นต้องเป็น 72 เสียง ส่วนเรื่องการเลือกตั้งผมอยกกระตุ้นให้ผู้ว่าฯกกท. กนกพันธุ์ จุลเกษม มาพิจารณาด้วยตนเอง"

ขอขอบคุณhttp://www.coreballthai.com/

ฮือฮา.. เว็ปทางการของ Fifa ตีข่าวม้ามืดล้มยักษ์ใหญ่ในเอเซีย

ฮือฮา.. เว็ปทางการของ Fifa ตีข่าวม้ามืดล้มยักษ์ใหญ่ในเอเซีย


Fifa.com ยกสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเป็นหนึ่งในทีมม้ามืดที่ขโมยซีนจาก ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีม นัดแรก หลังจากเปิดบ้านเอาชนะ บุนยอดกอร์ ยอดทีมจากอุซเบกิสถาน 2-1

ฟีฟ่ายังได้กล่าวอีกว่าแมตช์ดังกล่าวได้หักปากกาเซียนหลายสำนัก

บุ นยอดกอร์ซึ่งเคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศรายการนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง ต้องมาพบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกของปีในทัวร์นาเมนต์นี้ หลังจากบุกมาพ่ายให้กับทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เจ้าบ้านจากประเทศไทยซึ่งเคยเล่นทัวร์นาเมนต์นี้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น และถูกบรรดาเกจิทั้งหลายให้ราคาเป็นเพียงแค่ทีมรองบ่อน
แต่ แล้วลูกโหม่งของ อนาวิน จูจีนและ เอกชัย สำเร ได้ทำให้แชมป์ไทยคม เอฟเอคัพ คว้าชัยชนะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจ และยังคงรักษามาตรฐาน ฟอร์มการเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ไว้ได้อย่างดี

แต่ใครจะรู้ว่าเกมส์นี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดสมควรเป็นผู้ชนะ หลังจากครองเกมส์ด้วยการเล่นที่คล่องแคล่วและลื่นไหล บุรีรัมย์ได้โชว์สมรรถภาพในเกมส์บุกได้เป็นอย่างดี และได้ประตูหลังจาก อนาวิน จูจีน โหม่งทำประตูแรกจาก 17 นาที. ก่อนที่ผู้เล่นสำรอง จาเซอร์ คาซานอฟ จะยิงประตูพาทีมเยือนไล่ตีเสมอก่อนหมดเวลาในครึ่งแรก แต่ปฏิหารก็มีจริงหลังจาก เอกชัย สำเร โหม่งทำประตูชัยเพียง 14 นาทีก่อนหมดเวลา

ขอขอบคุณ http://www.coreballthai.com/

อันนี้คือนักฟุตบอลนะ (ใครงงเหมือนผมบ้าง)

"เนวิน" แถลงจุดยืนเปลี่ยนส.บอล

 เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แถลงการณ์ผ่านเว็ปไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร ถึงความตั้งใจยืนยันที่จะสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมาคมฟุตบอลแห่ง ประเทศไทย ตั้งแต่หัวยันหาง เชื่อว่าทีมฟุตบอลไทย สู้ได้กับทุกชาติในเอเซีย แต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของสมาคมฯ และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด แบบถอนราก ถอนโคน
       
       เมื่อ วันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์ผ่านเว็ปไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร (buriramunited.co.th) โดยมีหัวเรื่องว่า "เก่งไม่กลัว โกงยิ่งไม่กลัว!!! จดหมายจากใจถึงแฟนบอลชาวไทย ประธานสโมสร เนวิน ชิดชอบ ย้ำ 'วงการฟุตบอลไทยดีขึ้นแน่หากไร้คนโกงและกอบโกยผลประโยชน์" โดยมีใจความดังนี้
       
       วันนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะลงเตะกับ บีอีซี เทโร ภายใต้ความกดดันทุกๆ ด้าน เท่าที่นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด จะคิดได้ และจัดให้เราอย่างเต็มที่ การเลื่อนแมตช์เร็วขึ้น เพื่อให้เรากรอบเต็มที่ ก่อนไปเยือนบุนยอดกอร์ การจัดกรรมการจากอุซเบกิสถาน มาทำหน้าที่ ในบรรยากาศที่คนอุซเบกิสถาน กำลังผิดหวังกับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น เพราะบุรีรัมย์ เพิ่งชนะบุนยอดกอร์ ยอดทีมของอุซเบกิสถาน มาหมาดๆ และอยากเห็นบุรีรัมย์ แพ้ เมื่อไปเยือนบุนยอดกอร์ ที่อุซเบกิสถาน ในวันที่ 21 พ.ค.นี้
       
        เชิญ ครับ อยากทำอะไร ก็ทำให้เต็มที่ วันนี้พวกคุณมีอำนาจ ทำให้เต็มที่ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรกับผม และ กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ไม่สามารถที่จะต่อรองกับผมได้ ไม่สามารถทำให้ผมเปลี่ยนความตั้งใจ ที่จะสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตั้งแต่หัวยันหางได้ ถ้าผมเปลี่ยนความตั้งใจในเรื่องนี้ เท่ากับ ผมทรยศต่อตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม และ ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ของเราไม่มีอะไรจะมาต่อรองกับผมได้ ขอให้แฟนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกคนมั่นใจได้ว่า พวกเรากำลังเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง และทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้อง ทุกรูปแบบที่จะประเดประดังถาโถมโหมเข้าใส่ นับแต่นาทีนี้เป็นต้นไป
       
       อย่า กลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหนก็ตาม ถ้าผมกลัว ถ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกคน กลัว เราจะต้องยอมเป็นคนขี้ขลาดและโง่เขลา ตลอดกาล ถ้าเราต้องตกอยู่ในอาณาจักรของความกลัว ที่คอยกดหัวของเรา ไม่ให้เงยหน้า ไม่ให้มองหาความถูกต้อง เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งผิดให้เป็นสิ่งถูก ได้อย่างไร เราก็คงจะเปลี่ยนแปลงความไม่ชอบธรรมให้เป็นความชอบธรรม ไม่ได้ 
       
       สุด ท้าย เราก็ต้องทนดู และยอมรับการเอารัดเอาเปรียบต่อกัน ในวงการฟุตบอลไทย ที่กำลังกัดกร่อนวงการฟุตบอลไทย และเป็นเหตุให้ฟุตบอลไทยตกต่ำ ไปอีกนานแสนนาน ผมไม่ได้ทำสิ่งใหม่ ผมทำในสิ่งที่แฟนฟุตบอลส่วนใหญ่ของประเทศนี้ เคยทำมาแล้ว และยังคงทำอยู่ เพราะยังไม่ถึงเป้าหมาย คือ การเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด 
       
       แฟน บอลหลายท่านอาจจะไม่ชอบผม บางท่านถึงขั้นเกลียดผม ไม่เป็นไรครับ ...ทุกท่านมีสิทธิจะคิดอะไรกับผมก็ได้ จะชอบ หรือ ไม่ชอบ เป็นสิทธิของท่าน แฟนบุรีรัมย์ หลายท่าน ก็อาจจะไม่ชอบผม ...ไม่เป็นไรครับ แต่วันนี้ สิ่งที่พวกเราต้องร่วมมือกัน คือ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย หลังจากเราร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เพื่อนำสู่มิติใหม่ๆ ของวงการฟุตบอลไทย ได้แล้ว ท่านจะวิพากษ์วิจารณ์ หรือ จับตาดูผม ด้วยความไม่ชอบ หรือ เกลียดชังอย่างไร ก็เป็นสิทธิของท่าน 
       
        ก่อน จะมาทำฟุตบอล ผมโดนมามากกว่านี้ หนักกว่านี้เยอะ สำหรับวงการฟุตบอลไทยที่ผมเดินเข้ามาด้วยความรัก ความศรัทธาความชื่นชอบส่วนตัว วิพากษ์ วิจารณ์กันแค่นี้ "รับได้ครับ" สถานการณ์ที่เดินหน้ามาถึงขณะนี้ อาการดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อจะรักษาอำนาจไว้ในมือต่อไปของคนพวกนั้น ผมมั่นใจว่า คงอีกไม่นาน การเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้น เพราะพละกำลังของแฟนฟุตบอลที่รวบรวมกันเข้ามา ร่วมใจกันเข้ามา เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการฟุตบอลไทย กำลังจะเป็นจริงแล้ว 
       
       ปราก ฎการณ์ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในรายการ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ได้ทำให้แฟนบอลทุกคน เห็นกับตาแล้วว่า นักฟุตบอลไทย ทีมฟุตบอลไทย สู้ได้กับทุกชาติในเอเซีย วงการฟุตบอลไทย มีโอกาสก้าวหน้า ขึ้นมาเป็นหัวแถวของเอเซียได้ แต่มีเงื่อนไข คือ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด แบบถอนราก ถอนโคน 
       
        เรา ต้องกำจัดบุคคล บริษัท องค์กร ที่เข้ามาหาประโยชน์ เอารัดเอาเปรียบและกอบโกยประโยชน์ จากวงการฟุตบอลไทย จากแฟนฟุตบอลไทย ด้วยความไม่ชอบธรรม ผมมั่นใจว่า หากแฟนฟุตบอลทุกคนเดินไปข้างหน้า ร่วมมือกันอย่างจริงจัง เราเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน วิธีการง่ายๆ เรียกร้อง กดดันไปที่สโมสรที่ท่านสนับสนุน ให้เลือกเส้นทางใหม่ เพื่อนำการเปลี่ยน แปลงมาสู่วงการฟุตบอลไทย ขอเพียงเรามั่นใจว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์แก่วงการฟุตบอลไทย โดยรวม

ขอขอบคุณ http://www.chillynews.com

คุณ แจ๊คกี้ เขียนถึง"องค์กรอิสระ..."



     วันนี้มีประเด็นที่อยากเขียนมาถกกันหน่อย ครับ มีเรื่องที่อยากเขียนหลายสัปดาห์แล้วแต่พลาดไปทุกที นั่นคือเรื่ององค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพของฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็น สมาคมนักเตะอาชีพ, สมาคมผู้ฝึกสอนอาชีพ, ผู้ตัดสินอาชีพ (ซึ่งน่าจะมีอยู่แล้ว) อันเป็นอีกหนึ่งหน่วยที่บรรจุรวมอยู่ในโครงสร้างของฟุตบอลอาชีพ


        ผมจำได้ว่าเคยคุยกับ ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน รองอธิบดีกรมพลศึกษา นานมาแล้วว่า น่าจะมีการจัดตั้งองค์กรผู้ฝึกสอนอาชีพขึ้นมา รวมเป็นกลุ่มเป็นสหภาพ เพื่อดูแลประโยชน์ช่วยเหลือคนในวงการผู้ฝึกสอน และทำประโยชน์ให้สังคมฟุตบอล ในอังกฤษและอีกหลายชาติที่เป็นบอลอาชีพเขามีองค์กรนี้มานานมากแล้ว

        ถ้าจะถามว่ามีประโยชน์อะไรมากมายขนาดนั้นหรือไม่ คำตอบคงไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ในแง่เงินทอง...แต่หากการรวมกลุ่ม รวมตัวกันเป็นสหภาพมันหมายถึงวิชาชีพนี้มีความมั่นคง มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ให้ใครมาดูถูกดูแคลนได้ ซึ่งจะว่าไปวงการฟุตบอลบ้านเรานั้นไม่ค่อยให้เกียรติและเคารพวิชาชีพ "ผู้ฝึกสอน" สักเท่าไหร่

       ทั้งที่ปัจจุบันนี้ทั่วโลกต่างเน้นและให้ความสำคัญกับวิชาชีพ นี้จนสามารถออกใบอนุญาตการทำงานเหมือนที่หมอ, วิศวกร, ทนายความ มีกัน นั่นคือโค้ชต้องผ่านการอบรมเพื่อรับใบประกอบวิชาชีพอย่างที่รู้จักกันดีว่า "ไลเซนส์" (Licence) นั่นแหละครับ ตั้งแต่ระดับ ซี, บี, เอ และ โปร ไลเซนส์ (วิชาชีพระดับสูง) ซึ่งฟีฟ่ากำหนดออกมาหลายปี และทั่วโลกแม้กระทั่งในอังกฤษเองที่ไม่เคยให้ความสำคัญกลับต้องยอมรับว่ามัน เป็นเรื่องดี นักเตะอาชีพทุกคนเลิกเล่นแล้วต้องไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อมาเป็นผู้ฝึกสอน ทั้งเรื่องศาสตร์และทัศนคติการทำงาน

        การมีใบอนุญาตทำงานคือเรื่องสำคัญ และบ้านเรามองข้ามไป จนทำให้ทุกวันนี้นับคนได้ครับที่มีใบอนุญาต เอ ไลเซนส์ เพื่อคุมทีมระดับไทยลีก...

       โค้ชต้องมีใบอนุญาตเพื่อทำงานและให้คนในสังคมเห็นว่านี่คือ อาชีพที่มีเกียรติ มีความสามารถ ไม่ใช่นึกอะไรได้ก็อยากมาทำทีมบอล มันคนละเรื่องเดียวกัน เช่นเดียวกับองค์กรผู้ฝึกสอนฟุตบอลอาชีพต้องเริ่มก่อตัวได้แล้ว ตอนนี้มีทั้งไทยลีก, ยามาฮา ลีกวันและลีกภูมิภาคดิวิชั่นสอง มีโค้ชมากมายในเมืองไทยที่ทั้งมีความรู้, มีประสบการณ์ ทั้งประเภทครูพักลักจำ กระโดดเข้ามาเยอะ ยังมีประเภทแอบแฝงคือโค้ชเบื้องหลังอีกเพียบ

       ตรงนี้น่าสนใจนะครับ...เพราะดูเหมือนว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่เข้า ใจง่าย กติกา ไม่ซับซ้อนมากและเป็นกีฬาที่เล่นกันอยู่ทุกหัวระแหงในประเทศ แถมยังมีกลุ่มกองเชียร์ที่ติดตามอย่างเหนียวแน่น ทำให้เราคิดไปว่าฟุตบอลนั้นทำไม่ยาก ง่ายจะตายไป

        นั่นจึงทำให้คนที่อาจจะไม่ชอบตั้งแต่แรกเฉยๆ กับฟุตบอล พอมาวันหนึ่งอยากเข้ามาทำทีม อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเกมฟุตบอล จะด้วยเหตุผลที่กระแสฟุตบอลดังเลยต้องเกาะและโหนกระแส เพื่อผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง และก็คิดว่าฟุตบอลนี่มันหมูจริงๆ

        บางคนลืมตัวจนกระทั่งตั้งตนเป็นโค้ชใหญ่ ทั้งที่ฟุตบอลยังเตะไม่เป็นก็มี พยายามเข้ามามีบทบาท ซึ่งเมื่อก่อนสมัยฟุตบอลมีคนดูสองสามร้อยคนก็ไม่เคยเห็นศีรษะคนพวกนี้ และก็แปลกที่ไม่มีใครสนใจจดจำรวมทั้งมองข้ามไป แต่วันหนึ่งพอบอลดังก็แห่แหนกันเข้ามาเพราะผลประโยชน์มันเยอะ

        คนพวกนี้ทำให้โค้ชทำงานยากครับ เพราะพวกนี้ไม่เคยให้เกียรติโค้ช และคิดว่าฟุตบอลเดินได้ด้วยเงิน ไม่ใช่โค้ช ซึ่งถ้าเป็นบอลอาชีพที่เมืองนอกเราคงเห็นเลยว่า โค้ชหรือผู้ฝึกสอนที่เขาเรียกว่า ผจก. ในอังกฤษ, เทรนเนอร์ ในภาคพื้นยุโรปนั้น มีความสำคัญมาก

        นั่นคืองานหลักของพวกเขาในการสร้างรูปแบบการเล่น...ทำทีมเพื่อ ประสบความสำเร็จ ที่ยุโรปให้เครดิตและมองว่าโค้ชสำคัญยิ่ง แต่ไม่ใช่เมืองไทยที่โค้ชเป็นคนที่ไม่ได้รับความสำคัญอะไรทั้งนั้น บางทีมนักเตะยังไม่เคารพโค้ชเลยละครับ

        ตรงนี้บรรดาผู้ฝึกสอนในบ้านเราก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้าง องค์กรขึ้นเพื่อมาช่วยเหลือ ตรวจดูผลประโยชน์ของโค้ชว่าได้รับความยุติธรรมหรือไม่ ทั้งเรื่องสัญญาและเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย

        นอกจากโค้ชแล้วนักเตะอาชีพเองก็ต้องรวมตัวกันตั้งสมาคมนักเตะ อาชีพขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดเกิดปัญหาอะไรก็จะได้ช่วยเหลือและดำเนินการผ่อนหนักให้เป็น เบาและทำประโยชน์ให้กับสังคม รวมทั้งรักษาผลประโยชน์ให้กับวิชาชีพของตัวเองด้วย

        โครงสร้างมันก็ประมาณนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นรูปเป็นร่างขนาดไหนสำหรับองค์กรอิสระเหล่านี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วมานั่งคิดไตร่ตรองดู จะพบว่ากีฬาประเภททีมเนี่ยไม่ค่อยเหมาะกับคนไทยสักเท่าไหร่ เพราะเรามักประสานงา...กันมากกว่าประสานงาน

        ทุกคนแล้วแต่ต้องการเป็นคน สำคัญ...คนที่สังคมยอมรับ แม้ว่าจะไร้ความสามารถ แต่ถ้ามีอิทธิพล มีเงิน มีตำแหน่ง ไม่ต้องมีความสามารถก็เป็นที่เชิดชูได้ในสังคมไทย แล้วการจัดตั้งองค์กรเหล่านี้ขึ้นมา คงต้องอาศัยโต้โผ เจ้าภาพ อีกทั้งองค์กรนี้มีผลประโยชน์น้อยมากครับ ถ้าว่ากันถึงตัวเงิน นี่แหละที่เป็นปัญหาว่าจะตั้งองค์กรไปเพื่ออะไร เพราะไม่มีผลประโยชน์เรื่องเงิน ดูแล้วองค์กรอิสระอย่างโค้ชอาชีพ, นักเตะอาชีพ น่าจะอยู่ในความฝันซะละมั้ง

ขอขอบคุณ คุณ Jackie
จาก http://www.siamsport.co.th  

ยอดบอลไทย


 
  เป็นเกมโตโยต้าลีกคัพ ระหว่าง ราชนาวี พบ สุพรรณบุรี กับจังหวะปัญหากรรมการเป่าว่ากองหลังราชนาวีทำแฮนด์บอลในกรอบโทษแต่ความเป็น จริงไม่ใช่ "เจษฎา บุญเรืองรอด" แข้งสุพรรณบุรีผู้รับหน้าที่สังหารจึงตั้งใจยิงจุดโทษออกนอกกรอบไป ซึ่งในตอนนนั้นทีมยังตามหลังอยู่ 0-1 และสุดท้ายสุพรรณก็แพ้ไป 1-2 ก็ขอชื่นชมสปิริต สุพรรณบุรี เอฟซี

ขอขอบคุณ http://www.siamsport.co.th

นายกหญิง...



"ทรงชัยน้อย" น.ส.ปริยากร รัตนสุบรรณ หรือ น้องโอ๋ ลูกสาวของ ทรงชัย รัตนสุบรรณ ได้รับเสียงโหวดเป็นเอกฉันท์ โดยได้คะแนน 27 เสียง จาก 33 เสียง จึงทำให้ น.ส.ปริยากร รัตนสุบรรณ ขึ้นนั่งประมุขนายกสมาคมกีฬาไทยฯ คนใหม่ทันที


         เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2556 ขึ้นที่ ห้องประชุมชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีสมาชิกเข้าร่วมการประชุมจำนวน 33 สโมสรสมาชิก จากจำนวนทั้งสิ้น 72 โดยมีวาระการประชุมสำคัญคือ การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาไทยฯ คนใหม่ หลังจากที่ นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ นายกสมาคมคนเก่าได้ขอลาออกไป

         ซึ่งในที่ประชุมได้แต่งตั้ง นายสมยศ วนิชาชีวะ มาเป็นประธานเลือกตั้ง  ซึ่งในที่ประชุม มีสมาชิกได้เสนอชื่อ น.ส.ปริยากร รัตนสุบรรณ หรือ น้องโอ๋ โปรโมเตอร์หญิงมวยไทยชื่อดัง ที่คนรู้จักในนาม "ทรงชัยน้อย" ลูกสาวของ ทรงชัย รัตนสุบรรณ

         โดยเป็นชื่อเดียวที่ถูกเสนอตัวเป็นนายกสมาคมกีฬาไทยฯ ซึ่งได้รับการโหวตจากสมารชิกจำนวน 27 เสียง จาก 33 เสียง โดยตามกฎต้องมีสมาชิกเกินครึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด แต่นายสมพร ไชยสงคราม ผู้อำนวยการกองนิติกรสำนักผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ใช้กฎข้อ 21  ที่ว่า "ในการประชุมใหญ่ต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 20 นาย จึงถือเป็นองค์ประชุม" ทำให้ น.ส.ปริยากร ได้เป็นนายกสมาคมกีฬาไทยฯ คนใหม่ทันที

         "น้องโอ๋" ทรงชัยน้อย ได้กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ได้เลือกตนให้นั่งตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาไทย หลังจากนี้เราต้องเดินหน้าต่อไป ขอให้ช่วยกันส่งเสริสมกีฬาไทย ให้ทุกกีฬาได้รับการพัฒนา ที่ผ่านมาคนไทยมองว่ากีฬาไทยล้าสมัย หรือเชย

         แต่จากนี้ไปเราจะต้องช่วยกันส่งเสริม โดยจะเน้นไปที่เยาวชนตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งความคาดหวังที่ตนอยากเห็น คือกีฬาไทยได้รับบรรจุเข้าไปแข่งขันในกีฬาเยาวชนแห่งชาติ และกีฬาแห่งชาติ ซึ่งตนจะพยายามผลักดันให้ได้ภายในสมัยนี้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป โดยในส่วนของทีมงานบริหารตนได้ฟอร์มทีมไว้อยู่แล้ว

         ซึ่งมีกรรมการบริหารสมาคมชุดเดิมอยู่ด้วย และจากนี้ไปเราจะไปขอคำแนะนำจากสมาคมกีฬาที่เป็นแถวหน้าของเมืองไทยถึงการทำ งานให้กีฬาชนิดนั้นเป็นที่นิยมของคนไทย ตนจะต้องยกระดับ กีฬาไทยที่เป็นเกรด ซี ให้เป็นที่ยอมรับของคนไทยให้

ขอขอบคุณ http://www.siamsport.co.th