ต้น

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เอาไงว่ากันไปกับ "ส.บอลไทย"

รูปภาพ

รถถังฝั่งชล และผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ออกมาชี้แจงข้อกำหนดของฟีฟ่า ว่าไม่เป็นไปอย่างที่ "บังยี" อ้างไว้



อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี และ พินิจ งามพริ้ง 1 ในแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ไม่ได้บังคับว่าการเลือกตั้งประมุขบอลต้องใช้ 72 เสียง ตามที่ วรวีร์ มะกูดี นายใหญ่คนปัจจุบันหวังเปลี่ยนธรรมนูญข้อบังคับใหม่โดยอ้างตามกฎลูกหนังโลก พร้อมจี้การกีฬาแห่งประเทศไทยระบุวันหย่อยบัตร

หลังจากที่ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เชิญ มร.เจมส์ จอห์นสัน ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เข้าหารือกับทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดย "บังยี" เผยว่าเตรียมเสนอใช้มติการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประมุขบอล วาระใหม่ที่จะมีขึ้น เหลือเพียง 72 เสียง โดยอ้างว่าเพื่อเป็นไปตามธรรมนูญข้อบังคับใหม่ของฟีฟา

ล่าสุด นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานฉลามชล ออกมาโต้ว่าถือเป็นการริดรอนสิทธิ์ทีมที่ถูกตัดสิทธิ์"วรวีร์ จะมาลดสิทธิ์การลงคะแนนของสโมสรสมาชิกเหลือเพียง 72 เสียง โดยอ้างว่าทีมที่ถูกตัดสิทธิ์เหล่านั้นเป็นทีมที่มีส่วนได้เสียน้อยกว่าทีม อื่นๆไม่ได้ เพราะทั้งหมดก็มาจากสมาคมฟุตบอลฯเองที่ไม่มีการจัดแข่งขันระบบลีกให้พวกเขา จัดแต่เพียงทัวร์นาเมนต์สั้นๆ ซึ่งทีมเหล่านั้นเสียค่าสมัครสมาชิกและค่าธรรมเนียมรายปีเหมือนกับทีมอื่นๆ และที่สำคัญฟีฟาไม่ได้บังคับว่าทุกประเทศต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นหากภายในวันที่ 17 มิ.ย. นี้ที่ครบเทอมไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น กกท.ควรจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน"

ขณะที่ด้าน นายพินิจ งามพริ้ง หัวเรือใหญ่กลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์ แสดงความเห็นในเชิงเดียวกันว่าการแก้ไขข้อบังคับ กับการเลือกตั้งเป็นคนละเรื่องกัน "ในธรรมนูญฟีฟาฉบับใหม่ไม่ได้มีการบังคับให้ทุกประเทศต้องทำตามเช่นเดียวกัน หมด ในข้อ 17.1 และ 17.2 ระบุว่าสมาคมสมาชิกสามารถมีอิสระในการบริหารงาน และการการดำรงตำแหน่งต่างๆจะใช้วิธีแต่งตั้งหรือเลือกตั้งได้นั้นให้สิทธิ์ กับข้อบังคับของแต่ละประเทศเอง และไม่จำเป็นต้องเป็น 72 เสียง ส่วนเรื่องการเลือกตั้งผมอยกกระตุ้นให้ผู้ว่าฯกกท. กนกพันธุ์ จุลเกษม มาพิจารณาด้วยตนเอง"

ขอขอบคุณhttp://www.coreballthai.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น