ต้น

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เอาไงว่ากันไปกับ "ส.บอลไทย"

รูปภาพ

รถถังฝั่งชล และผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ออกมาชี้แจงข้อกำหนดของฟีฟ่า ว่าไม่เป็นไปอย่างที่ "บังยี" อ้างไว้



อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี และ พินิจ งามพริ้ง 1 ในแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ไม่ได้บังคับว่าการเลือกตั้งประมุขบอลต้องใช้ 72 เสียง ตามที่ วรวีร์ มะกูดี นายใหญ่คนปัจจุบันหวังเปลี่ยนธรรมนูญข้อบังคับใหม่โดยอ้างตามกฎลูกหนังโลก พร้อมจี้การกีฬาแห่งประเทศไทยระบุวันหย่อยบัตร

หลังจากที่ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เชิญ มร.เจมส์ จอห์นสัน ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เข้าหารือกับทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดย "บังยี" เผยว่าเตรียมเสนอใช้มติการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประมุขบอล วาระใหม่ที่จะมีขึ้น เหลือเพียง 72 เสียง โดยอ้างว่าเพื่อเป็นไปตามธรรมนูญข้อบังคับใหม่ของฟีฟา

ล่าสุด นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานฉลามชล ออกมาโต้ว่าถือเป็นการริดรอนสิทธิ์ทีมที่ถูกตัดสิทธิ์"วรวีร์ จะมาลดสิทธิ์การลงคะแนนของสโมสรสมาชิกเหลือเพียง 72 เสียง โดยอ้างว่าทีมที่ถูกตัดสิทธิ์เหล่านั้นเป็นทีมที่มีส่วนได้เสียน้อยกว่าทีม อื่นๆไม่ได้ เพราะทั้งหมดก็มาจากสมาคมฟุตบอลฯเองที่ไม่มีการจัดแข่งขันระบบลีกให้พวกเขา จัดแต่เพียงทัวร์นาเมนต์สั้นๆ ซึ่งทีมเหล่านั้นเสียค่าสมัครสมาชิกและค่าธรรมเนียมรายปีเหมือนกับทีมอื่นๆ และที่สำคัญฟีฟาไม่ได้บังคับว่าทุกประเทศต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นหากภายในวันที่ 17 มิ.ย. นี้ที่ครบเทอมไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น กกท.ควรจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน"

ขณะที่ด้าน นายพินิจ งามพริ้ง หัวเรือใหญ่กลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์ แสดงความเห็นในเชิงเดียวกันว่าการแก้ไขข้อบังคับ กับการเลือกตั้งเป็นคนละเรื่องกัน "ในธรรมนูญฟีฟาฉบับใหม่ไม่ได้มีการบังคับให้ทุกประเทศต้องทำตามเช่นเดียวกัน หมด ในข้อ 17.1 และ 17.2 ระบุว่าสมาคมสมาชิกสามารถมีอิสระในการบริหารงาน และการการดำรงตำแหน่งต่างๆจะใช้วิธีแต่งตั้งหรือเลือกตั้งได้นั้นให้สิทธิ์ กับข้อบังคับของแต่ละประเทศเอง และไม่จำเป็นต้องเป็น 72 เสียง ส่วนเรื่องการเลือกตั้งผมอยกกระตุ้นให้ผู้ว่าฯกกท. กนกพันธุ์ จุลเกษม มาพิจารณาด้วยตนเอง"

ขอขอบคุณhttp://www.coreballthai.com/

ฮือฮา.. เว็ปทางการของ Fifa ตีข่าวม้ามืดล้มยักษ์ใหญ่ในเอเซีย

ฮือฮา.. เว็ปทางการของ Fifa ตีข่าวม้ามืดล้มยักษ์ใหญ่ในเอเซีย


Fifa.com ยกสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเป็นหนึ่งในทีมม้ามืดที่ขโมยซีนจาก ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีม นัดแรก หลังจากเปิดบ้านเอาชนะ บุนยอดกอร์ ยอดทีมจากอุซเบกิสถาน 2-1

ฟีฟ่ายังได้กล่าวอีกว่าแมตช์ดังกล่าวได้หักปากกาเซียนหลายสำนัก

บุ นยอดกอร์ซึ่งเคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศรายการนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง ต้องมาพบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกของปีในทัวร์นาเมนต์นี้ หลังจากบุกมาพ่ายให้กับทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เจ้าบ้านจากประเทศไทยซึ่งเคยเล่นทัวร์นาเมนต์นี้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น และถูกบรรดาเกจิทั้งหลายให้ราคาเป็นเพียงแค่ทีมรองบ่อน
แต่ แล้วลูกโหม่งของ อนาวิน จูจีนและ เอกชัย สำเร ได้ทำให้แชมป์ไทยคม เอฟเอคัพ คว้าชัยชนะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจ และยังคงรักษามาตรฐาน ฟอร์มการเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ไว้ได้อย่างดี

แต่ใครจะรู้ว่าเกมส์นี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดสมควรเป็นผู้ชนะ หลังจากครองเกมส์ด้วยการเล่นที่คล่องแคล่วและลื่นไหล บุรีรัมย์ได้โชว์สมรรถภาพในเกมส์บุกได้เป็นอย่างดี และได้ประตูหลังจาก อนาวิน จูจีน โหม่งทำประตูแรกจาก 17 นาที. ก่อนที่ผู้เล่นสำรอง จาเซอร์ คาซานอฟ จะยิงประตูพาทีมเยือนไล่ตีเสมอก่อนหมดเวลาในครึ่งแรก แต่ปฏิหารก็มีจริงหลังจาก เอกชัย สำเร โหม่งทำประตูชัยเพียง 14 นาทีก่อนหมดเวลา

ขอขอบคุณ http://www.coreballthai.com/

อันนี้คือนักฟุตบอลนะ (ใครงงเหมือนผมบ้าง)

"เนวิน" แถลงจุดยืนเปลี่ยนส.บอล

 เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แถลงการณ์ผ่านเว็ปไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร ถึงความตั้งใจยืนยันที่จะสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมาคมฟุตบอลแห่ง ประเทศไทย ตั้งแต่หัวยันหาง เชื่อว่าทีมฟุตบอลไทย สู้ได้กับทุกชาติในเอเซีย แต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของสมาคมฯ และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด แบบถอนราก ถอนโคน
       
       เมื่อ วันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์ผ่านเว็ปไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร (buriramunited.co.th) โดยมีหัวเรื่องว่า "เก่งไม่กลัว โกงยิ่งไม่กลัว!!! จดหมายจากใจถึงแฟนบอลชาวไทย ประธานสโมสร เนวิน ชิดชอบ ย้ำ 'วงการฟุตบอลไทยดีขึ้นแน่หากไร้คนโกงและกอบโกยผลประโยชน์" โดยมีใจความดังนี้
       
       วันนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะลงเตะกับ บีอีซี เทโร ภายใต้ความกดดันทุกๆ ด้าน เท่าที่นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด จะคิดได้ และจัดให้เราอย่างเต็มที่ การเลื่อนแมตช์เร็วขึ้น เพื่อให้เรากรอบเต็มที่ ก่อนไปเยือนบุนยอดกอร์ การจัดกรรมการจากอุซเบกิสถาน มาทำหน้าที่ ในบรรยากาศที่คนอุซเบกิสถาน กำลังผิดหวังกับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น เพราะบุรีรัมย์ เพิ่งชนะบุนยอดกอร์ ยอดทีมของอุซเบกิสถาน มาหมาดๆ และอยากเห็นบุรีรัมย์ แพ้ เมื่อไปเยือนบุนยอดกอร์ ที่อุซเบกิสถาน ในวันที่ 21 พ.ค.นี้
       
        เชิญ ครับ อยากทำอะไร ก็ทำให้เต็มที่ วันนี้พวกคุณมีอำนาจ ทำให้เต็มที่ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรกับผม และ กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ไม่สามารถที่จะต่อรองกับผมได้ ไม่สามารถทำให้ผมเปลี่ยนความตั้งใจ ที่จะสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตั้งแต่หัวยันหางได้ ถ้าผมเปลี่ยนความตั้งใจในเรื่องนี้ เท่ากับ ผมทรยศต่อตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม และ ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ของเราไม่มีอะไรจะมาต่อรองกับผมได้ ขอให้แฟนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกคนมั่นใจได้ว่า พวกเรากำลังเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง และทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้อง ทุกรูปแบบที่จะประเดประดังถาโถมโหมเข้าใส่ นับแต่นาทีนี้เป็นต้นไป
       
       อย่า กลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหนก็ตาม ถ้าผมกลัว ถ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกคน กลัว เราจะต้องยอมเป็นคนขี้ขลาดและโง่เขลา ตลอดกาล ถ้าเราต้องตกอยู่ในอาณาจักรของความกลัว ที่คอยกดหัวของเรา ไม่ให้เงยหน้า ไม่ให้มองหาความถูกต้อง เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งผิดให้เป็นสิ่งถูก ได้อย่างไร เราก็คงจะเปลี่ยนแปลงความไม่ชอบธรรมให้เป็นความชอบธรรม ไม่ได้ 
       
       สุด ท้าย เราก็ต้องทนดู และยอมรับการเอารัดเอาเปรียบต่อกัน ในวงการฟุตบอลไทย ที่กำลังกัดกร่อนวงการฟุตบอลไทย และเป็นเหตุให้ฟุตบอลไทยตกต่ำ ไปอีกนานแสนนาน ผมไม่ได้ทำสิ่งใหม่ ผมทำในสิ่งที่แฟนฟุตบอลส่วนใหญ่ของประเทศนี้ เคยทำมาแล้ว และยังคงทำอยู่ เพราะยังไม่ถึงเป้าหมาย คือ การเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด 
       
       แฟน บอลหลายท่านอาจจะไม่ชอบผม บางท่านถึงขั้นเกลียดผม ไม่เป็นไรครับ ...ทุกท่านมีสิทธิจะคิดอะไรกับผมก็ได้ จะชอบ หรือ ไม่ชอบ เป็นสิทธิของท่าน แฟนบุรีรัมย์ หลายท่าน ก็อาจจะไม่ชอบผม ...ไม่เป็นไรครับ แต่วันนี้ สิ่งที่พวกเราต้องร่วมมือกัน คือ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย หลังจากเราร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เพื่อนำสู่มิติใหม่ๆ ของวงการฟุตบอลไทย ได้แล้ว ท่านจะวิพากษ์วิจารณ์ หรือ จับตาดูผม ด้วยความไม่ชอบ หรือ เกลียดชังอย่างไร ก็เป็นสิทธิของท่าน 
       
        ก่อน จะมาทำฟุตบอล ผมโดนมามากกว่านี้ หนักกว่านี้เยอะ สำหรับวงการฟุตบอลไทยที่ผมเดินเข้ามาด้วยความรัก ความศรัทธาความชื่นชอบส่วนตัว วิพากษ์ วิจารณ์กันแค่นี้ "รับได้ครับ" สถานการณ์ที่เดินหน้ามาถึงขณะนี้ อาการดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อจะรักษาอำนาจไว้ในมือต่อไปของคนพวกนั้น ผมมั่นใจว่า คงอีกไม่นาน การเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้น เพราะพละกำลังของแฟนฟุตบอลที่รวบรวมกันเข้ามา ร่วมใจกันเข้ามา เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการฟุตบอลไทย กำลังจะเป็นจริงแล้ว 
       
       ปราก ฎการณ์ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในรายการ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ได้ทำให้แฟนบอลทุกคน เห็นกับตาแล้วว่า นักฟุตบอลไทย ทีมฟุตบอลไทย สู้ได้กับทุกชาติในเอเซีย วงการฟุตบอลไทย มีโอกาสก้าวหน้า ขึ้นมาเป็นหัวแถวของเอเซียได้ แต่มีเงื่อนไข คือ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด แบบถอนราก ถอนโคน 
       
        เรา ต้องกำจัดบุคคล บริษัท องค์กร ที่เข้ามาหาประโยชน์ เอารัดเอาเปรียบและกอบโกยประโยชน์ จากวงการฟุตบอลไทย จากแฟนฟุตบอลไทย ด้วยความไม่ชอบธรรม ผมมั่นใจว่า หากแฟนฟุตบอลทุกคนเดินไปข้างหน้า ร่วมมือกันอย่างจริงจัง เราเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน วิธีการง่ายๆ เรียกร้อง กดดันไปที่สโมสรที่ท่านสนับสนุน ให้เลือกเส้นทางใหม่ เพื่อนำการเปลี่ยน แปลงมาสู่วงการฟุตบอลไทย ขอเพียงเรามั่นใจว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์แก่วงการฟุตบอลไทย โดยรวม

ขอขอบคุณ http://www.chillynews.com

คุณ แจ๊คกี้ เขียนถึง"องค์กรอิสระ..."



     วันนี้มีประเด็นที่อยากเขียนมาถกกันหน่อย ครับ มีเรื่องที่อยากเขียนหลายสัปดาห์แล้วแต่พลาดไปทุกที นั่นคือเรื่ององค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพของฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็น สมาคมนักเตะอาชีพ, สมาคมผู้ฝึกสอนอาชีพ, ผู้ตัดสินอาชีพ (ซึ่งน่าจะมีอยู่แล้ว) อันเป็นอีกหนึ่งหน่วยที่บรรจุรวมอยู่ในโครงสร้างของฟุตบอลอาชีพ


        ผมจำได้ว่าเคยคุยกับ ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน รองอธิบดีกรมพลศึกษา นานมาแล้วว่า น่าจะมีการจัดตั้งองค์กรผู้ฝึกสอนอาชีพขึ้นมา รวมเป็นกลุ่มเป็นสหภาพ เพื่อดูแลประโยชน์ช่วยเหลือคนในวงการผู้ฝึกสอน และทำประโยชน์ให้สังคมฟุตบอล ในอังกฤษและอีกหลายชาติที่เป็นบอลอาชีพเขามีองค์กรนี้มานานมากแล้ว

        ถ้าจะถามว่ามีประโยชน์อะไรมากมายขนาดนั้นหรือไม่ คำตอบคงไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ในแง่เงินทอง...แต่หากการรวมกลุ่ม รวมตัวกันเป็นสหภาพมันหมายถึงวิชาชีพนี้มีความมั่นคง มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ให้ใครมาดูถูกดูแคลนได้ ซึ่งจะว่าไปวงการฟุตบอลบ้านเรานั้นไม่ค่อยให้เกียรติและเคารพวิชาชีพ "ผู้ฝึกสอน" สักเท่าไหร่

       ทั้งที่ปัจจุบันนี้ทั่วโลกต่างเน้นและให้ความสำคัญกับวิชาชีพ นี้จนสามารถออกใบอนุญาตการทำงานเหมือนที่หมอ, วิศวกร, ทนายความ มีกัน นั่นคือโค้ชต้องผ่านการอบรมเพื่อรับใบประกอบวิชาชีพอย่างที่รู้จักกันดีว่า "ไลเซนส์" (Licence) นั่นแหละครับ ตั้งแต่ระดับ ซี, บี, เอ และ โปร ไลเซนส์ (วิชาชีพระดับสูง) ซึ่งฟีฟ่ากำหนดออกมาหลายปี และทั่วโลกแม้กระทั่งในอังกฤษเองที่ไม่เคยให้ความสำคัญกลับต้องยอมรับว่ามัน เป็นเรื่องดี นักเตะอาชีพทุกคนเลิกเล่นแล้วต้องไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อมาเป็นผู้ฝึกสอน ทั้งเรื่องศาสตร์และทัศนคติการทำงาน

        การมีใบอนุญาตทำงานคือเรื่องสำคัญ และบ้านเรามองข้ามไป จนทำให้ทุกวันนี้นับคนได้ครับที่มีใบอนุญาต เอ ไลเซนส์ เพื่อคุมทีมระดับไทยลีก...

       โค้ชต้องมีใบอนุญาตเพื่อทำงานและให้คนในสังคมเห็นว่านี่คือ อาชีพที่มีเกียรติ มีความสามารถ ไม่ใช่นึกอะไรได้ก็อยากมาทำทีมบอล มันคนละเรื่องเดียวกัน เช่นเดียวกับองค์กรผู้ฝึกสอนฟุตบอลอาชีพต้องเริ่มก่อตัวได้แล้ว ตอนนี้มีทั้งไทยลีก, ยามาฮา ลีกวันและลีกภูมิภาคดิวิชั่นสอง มีโค้ชมากมายในเมืองไทยที่ทั้งมีความรู้, มีประสบการณ์ ทั้งประเภทครูพักลักจำ กระโดดเข้ามาเยอะ ยังมีประเภทแอบแฝงคือโค้ชเบื้องหลังอีกเพียบ

       ตรงนี้น่าสนใจนะครับ...เพราะดูเหมือนว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่เข้า ใจง่าย กติกา ไม่ซับซ้อนมากและเป็นกีฬาที่เล่นกันอยู่ทุกหัวระแหงในประเทศ แถมยังมีกลุ่มกองเชียร์ที่ติดตามอย่างเหนียวแน่น ทำให้เราคิดไปว่าฟุตบอลนั้นทำไม่ยาก ง่ายจะตายไป

        นั่นจึงทำให้คนที่อาจจะไม่ชอบตั้งแต่แรกเฉยๆ กับฟุตบอล พอมาวันหนึ่งอยากเข้ามาทำทีม อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเกมฟุตบอล จะด้วยเหตุผลที่กระแสฟุตบอลดังเลยต้องเกาะและโหนกระแส เพื่อผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง และก็คิดว่าฟุตบอลนี่มันหมูจริงๆ

        บางคนลืมตัวจนกระทั่งตั้งตนเป็นโค้ชใหญ่ ทั้งที่ฟุตบอลยังเตะไม่เป็นก็มี พยายามเข้ามามีบทบาท ซึ่งเมื่อก่อนสมัยฟุตบอลมีคนดูสองสามร้อยคนก็ไม่เคยเห็นศีรษะคนพวกนี้ และก็แปลกที่ไม่มีใครสนใจจดจำรวมทั้งมองข้ามไป แต่วันหนึ่งพอบอลดังก็แห่แหนกันเข้ามาเพราะผลประโยชน์มันเยอะ

        คนพวกนี้ทำให้โค้ชทำงานยากครับ เพราะพวกนี้ไม่เคยให้เกียรติโค้ช และคิดว่าฟุตบอลเดินได้ด้วยเงิน ไม่ใช่โค้ช ซึ่งถ้าเป็นบอลอาชีพที่เมืองนอกเราคงเห็นเลยว่า โค้ชหรือผู้ฝึกสอนที่เขาเรียกว่า ผจก. ในอังกฤษ, เทรนเนอร์ ในภาคพื้นยุโรปนั้น มีความสำคัญมาก

        นั่นคืองานหลักของพวกเขาในการสร้างรูปแบบการเล่น...ทำทีมเพื่อ ประสบความสำเร็จ ที่ยุโรปให้เครดิตและมองว่าโค้ชสำคัญยิ่ง แต่ไม่ใช่เมืองไทยที่โค้ชเป็นคนที่ไม่ได้รับความสำคัญอะไรทั้งนั้น บางทีมนักเตะยังไม่เคารพโค้ชเลยละครับ

        ตรงนี้บรรดาผู้ฝึกสอนในบ้านเราก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้าง องค์กรขึ้นเพื่อมาช่วยเหลือ ตรวจดูผลประโยชน์ของโค้ชว่าได้รับความยุติธรรมหรือไม่ ทั้งเรื่องสัญญาและเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย

        นอกจากโค้ชแล้วนักเตะอาชีพเองก็ต้องรวมตัวกันตั้งสมาคมนักเตะ อาชีพขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดเกิดปัญหาอะไรก็จะได้ช่วยเหลือและดำเนินการผ่อนหนักให้เป็น เบาและทำประโยชน์ให้กับสังคม รวมทั้งรักษาผลประโยชน์ให้กับวิชาชีพของตัวเองด้วย

        โครงสร้างมันก็ประมาณนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นรูปเป็นร่างขนาดไหนสำหรับองค์กรอิสระเหล่านี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วมานั่งคิดไตร่ตรองดู จะพบว่ากีฬาประเภททีมเนี่ยไม่ค่อยเหมาะกับคนไทยสักเท่าไหร่ เพราะเรามักประสานงา...กันมากกว่าประสานงาน

        ทุกคนแล้วแต่ต้องการเป็นคน สำคัญ...คนที่สังคมยอมรับ แม้ว่าจะไร้ความสามารถ แต่ถ้ามีอิทธิพล มีเงิน มีตำแหน่ง ไม่ต้องมีความสามารถก็เป็นที่เชิดชูได้ในสังคมไทย แล้วการจัดตั้งองค์กรเหล่านี้ขึ้นมา คงต้องอาศัยโต้โผ เจ้าภาพ อีกทั้งองค์กรนี้มีผลประโยชน์น้อยมากครับ ถ้าว่ากันถึงตัวเงิน นี่แหละที่เป็นปัญหาว่าจะตั้งองค์กรไปเพื่ออะไร เพราะไม่มีผลประโยชน์เรื่องเงิน ดูแล้วองค์กรอิสระอย่างโค้ชอาชีพ, นักเตะอาชีพ น่าจะอยู่ในความฝันซะละมั้ง

ขอขอบคุณ คุณ Jackie
จาก http://www.siamsport.co.th  

ยอดบอลไทย


 
  เป็นเกมโตโยต้าลีกคัพ ระหว่าง ราชนาวี พบ สุพรรณบุรี กับจังหวะปัญหากรรมการเป่าว่ากองหลังราชนาวีทำแฮนด์บอลในกรอบโทษแต่ความเป็น จริงไม่ใช่ "เจษฎา บุญเรืองรอด" แข้งสุพรรณบุรีผู้รับหน้าที่สังหารจึงตั้งใจยิงจุดโทษออกนอกกรอบไป ซึ่งในตอนนนั้นทีมยังตามหลังอยู่ 0-1 และสุดท้ายสุพรรณก็แพ้ไป 1-2 ก็ขอชื่นชมสปิริต สุพรรณบุรี เอฟซี

ขอขอบคุณ http://www.siamsport.co.th

นายกหญิง...



"ทรงชัยน้อย" น.ส.ปริยากร รัตนสุบรรณ หรือ น้องโอ๋ ลูกสาวของ ทรงชัย รัตนสุบรรณ ได้รับเสียงโหวดเป็นเอกฉันท์ โดยได้คะแนน 27 เสียง จาก 33 เสียง จึงทำให้ น.ส.ปริยากร รัตนสุบรรณ ขึ้นนั่งประมุขนายกสมาคมกีฬาไทยฯ คนใหม่ทันที


         เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2556 ขึ้นที่ ห้องประชุมชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีสมาชิกเข้าร่วมการประชุมจำนวน 33 สโมสรสมาชิก จากจำนวนทั้งสิ้น 72 โดยมีวาระการประชุมสำคัญคือ การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาไทยฯ คนใหม่ หลังจากที่ นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ นายกสมาคมคนเก่าได้ขอลาออกไป

         ซึ่งในที่ประชุมได้แต่งตั้ง นายสมยศ วนิชาชีวะ มาเป็นประธานเลือกตั้ง  ซึ่งในที่ประชุม มีสมาชิกได้เสนอชื่อ น.ส.ปริยากร รัตนสุบรรณ หรือ น้องโอ๋ โปรโมเตอร์หญิงมวยไทยชื่อดัง ที่คนรู้จักในนาม "ทรงชัยน้อย" ลูกสาวของ ทรงชัย รัตนสุบรรณ

         โดยเป็นชื่อเดียวที่ถูกเสนอตัวเป็นนายกสมาคมกีฬาไทยฯ ซึ่งได้รับการโหวตจากสมารชิกจำนวน 27 เสียง จาก 33 เสียง โดยตามกฎต้องมีสมาชิกเกินครึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด แต่นายสมพร ไชยสงคราม ผู้อำนวยการกองนิติกรสำนักผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ใช้กฎข้อ 21  ที่ว่า "ในการประชุมใหญ่ต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 20 นาย จึงถือเป็นองค์ประชุม" ทำให้ น.ส.ปริยากร ได้เป็นนายกสมาคมกีฬาไทยฯ คนใหม่ทันที

         "น้องโอ๋" ทรงชัยน้อย ได้กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ได้เลือกตนให้นั่งตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาไทย หลังจากนี้เราต้องเดินหน้าต่อไป ขอให้ช่วยกันส่งเสริสมกีฬาไทย ให้ทุกกีฬาได้รับการพัฒนา ที่ผ่านมาคนไทยมองว่ากีฬาไทยล้าสมัย หรือเชย

         แต่จากนี้ไปเราจะต้องช่วยกันส่งเสริม โดยจะเน้นไปที่เยาวชนตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งความคาดหวังที่ตนอยากเห็น คือกีฬาไทยได้รับบรรจุเข้าไปแข่งขันในกีฬาเยาวชนแห่งชาติ และกีฬาแห่งชาติ ซึ่งตนจะพยายามผลักดันให้ได้ภายในสมัยนี้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป โดยในส่วนของทีมงานบริหารตนได้ฟอร์มทีมไว้อยู่แล้ว

         ซึ่งมีกรรมการบริหารสมาคมชุดเดิมอยู่ด้วย และจากนี้ไปเราจะไปขอคำแนะนำจากสมาคมกีฬาที่เป็นแถวหน้าของเมืองไทยถึงการทำ งานให้กีฬาชนิดนั้นเป็นที่นิยมของคนไทย ตนจะต้องยกระดับ กีฬาไทยที่เป็นเกรด ซี ให้เป็นที่ยอมรับของคนไทยให้

ขอขอบคุณ http://www.siamsport.co.th

กทม.ควงส.บาสฯเปิดศึกบาสฯ3คนชิงแชมป์อช.



กรุงเทพมหานคร จับมือสมาคมบาสเกตบอลฯ จัดการแข่งขันบาสเกตบอล 3 คน ชิงแชมป์เอเชีย ระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี ระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค. นี้ ที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อคัด 4 ทีมสุดท้ายเข้าไปแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ประเทศอินโดนีเซีย ในช่วงเดือน ก.ย. ที่จะถึงนี้


         นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมด้วย นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานครและนายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย เป็นประธานจัดงานแถลงข่าว การแข่งขันบาสเกตบอล 3 คน เยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี ชาย-หญิง ชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 1 "เดอะ เฟิร์ส ฟีบ้า เอเชีย 3x3 ยู-18 แชมเปี้ยนชิพ"

         ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค. นี้ ที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อคัด 4 ทีมสุดท้ายเป็นตัวแทนระดับภูมิภาคเอเชีย ไปแข่งขันบาสเกตบอลชิงแชมป์โลกครั้งที่ 1 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยงานแถลงข่าวดังกล่าวจัดขึ้นที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา

         นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา นายกสมาคมบาสเกตบอลฯ กล่าวถึงความเป็นมาของการจัดการแข่งขันครั้งนี้ขึ้นว่า "เรื่องนี้ได้เริ่มเกิดขึ้นจากการที่ทาง ดร.ณัฐ อินทรปาณ ตัวแทนของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ประจำประเทศไทย ได้พูดคุยกับผม ถึงความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันบาสเกตบอล 3 คน ระดับเยาวชน ชิงแชมป์เอเชีย

         ซึ่งถึงตอนนี้ยังไม่มีประเทศใดที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพอย่างจริงจัง ทางเราจึงได้ยื่นเรื่องไปถึงสหพันธ์บาสเกตบอลนานาชาติแห่งเอเชีย (ฟีบ้า เอเชีย) และในที่สุดเราก็ได้รับเกียรติจากทางสหพันธ์ให้จัดการแข่งขันครั้งนี้ขึ้น"

         สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ มีทีมที่เข้าร่วมทั้งหมด 42 ทีม จาก 22 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน การแข่งขันแบ่งเป็นประเภทชาย-หญิง ซึ่งไทยส่งเข้าร่วมประเภทละ 2 ทีม และทางฟีบ้าได้มีการจับสลากแบ่งกลุ่มไว้เรียบร้อยแล้ว โดยทีมชายไทย 1 อยู่กลุ่มดี ร่วมกับ ศรีลังกา, เลบานอน, เนปาล และมาเก๊า

         ส่วนทีมชายไทย 2 อยู่กลุ่มซี ร่วมกับ ฮ่องกง, มาเลเซีย, เวียดนาม, ญี่ปุ่น และคาซัคสถาน ขณะที่ทีมหญิงไทย 1 อยู่กลุ่มซี ร่วมกับ ไต้หวัน, ฮ่องกง และเวียดนาม ส่วนทีมหญิงไทย 2 อยู่กลุ่มดี ร่วมกับ มาเก๊า, จีน, อินโดนีเซีย และมัลดีฟส์ ทั้งนี้กำหนดการจัดการแข่งขันจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค. 2556 ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 และ กีฬาเวสน์ 2 เวลา 09.00-15.00 น.
ขอขอบคุณhttp://www.siamsport.co.th

เจ้าพ่อลูหหนังฟาดปากนักข่าว



-
        ซ่าลืมวัย ! ดีเอโก้ มาราโดน่า เทพเจ้าลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ เก็บอาการไม่อยู่ถึงขนาดลงจากรถพร้อมด่ากราดช่างภาพที่พยายามกดชัตเตอร์ก่อน จะตบท้ายด้วยการเตะหนึ่งป๊าบ


        ดีเอโก้ มาราโดน่า
ตำนานกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 ยังซ่าไม่เลิกล่าสุดแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหลังมีปากเสียงอย่างรุนแรงกับช่าง ภาพก่อนจะเตะเข้าที่ขา ขณะที่เดินทางมายังกรุงบูเอโนส ไอเรส ดินแดนบ้านเกิด พร้อมกับ ดีเอโก้ เฟร์นานโด ลูกชายวัย 3 เดือน และ โรซิโอ โอลิว่า แฟนสาววัยเอ๊าะ


        อดีตแข้งหมายเลข 1 ของโลก เดินทางกลับบ้านเกิดพร้อมลูกชาย ซึ่งเกิดกับ เวโรนิก้า โอเจด้า อดีตแฟนสาว แต่ดูเหมือนว่าการมาเยือนประเทศอันเป็นที่รักจะทำให้เขาไม่ค่อยมีความสุขมาก เท่าที่ควร เพราะตกเป้าสนใจมากเกินจะรับได้


        จากรายงานระบุว่า อดีตดาวเตะ บาร์เซโลน่า และนาโปลี เอาหินขว้างใส่บรรดาปาปารัซซี่ ที่พยายามถ่ายภาพ และนำเสนอข่าวของเขา แต่หลังจากใช้หินแล้วยังไม่ประสบความสำเร็จ สุดท้าย มาราโดน่า ต้องลงจากรถ แล้วตรงปรี่เข้าไปเตะหนึ่งในช่างภาพเหล่านั้น


        ช่างภาพที่เห็นเหตุการณ์ เผยถึงเรื่อง มาราโดน่า ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แม้จะโดนปลดจากตำแหน่งกุนซือ อัล วาส เมื่อปีที่แล้ว "บนท้องถนนมีฝันตกหนักมากๆ มาราโดน่า ขับรถจอด แล้วก็ออกมาพร้อมกับสูบซิการ์ยี่ห้อฮาวาน่า จากนั้นก็หยิบหินจากไหล่ทาง แล้วขว้างใส่รถนักข่าว และเตะช่างภาพที่ขาด้วย"


        ก่อนหน้านี้ มาราโดน่า มีข่าวฉุนเฉียวอย่างหนักจนจะเอาเรื่องกับชายคนหนึ่ง ที่สนามบินในกรุงบูเอโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา หลังจากที่มีชายคนดังกล่าวเอาอาหารเสริมแบบลดน้ำหนักให้เขา เพื่อล้อเลียนกับการที่ "เสือเตี้ย" เคยมีร่างกายอ้วนฉุ









ขอขอบคุณ http://www.siamsport.co.th

นักฟุตซอลทีมชาติเป็นตำรวจ



-
        ''อาร์ม'' ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง และ ''มิกซ์'' เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ 2 นักฟุตซอลไทยสุดเฮงได้รับบรรจุราชการตำรวจในยศ ส.ต.ต. ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียบร้อย ส่วนทาง วิคเตอร์ เฮอร์แมน กุนซือฟุตซอลไทย เผยข่าวดีว่าทีมอาจจะได้เบี้ยเลี้ยงที่ติดค้างไว้เร็วๆ นี้หลังสมาคมฯ ทราบเรื่องแล้ว

        ความเคลื่อนไหวทีมฟุตซอลชายชุดเตรียมทีมแข่งเอ เชียนอินดอร์ มาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 4 หรือ "อินชอน เกมส์" ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.-6 ก.ค. 2556 หลังจากทำการฝึกซ้อมมาได้ประมาณ 1 เดือน และมีการประกาศ 14 ผู้เล่นไปแล้ว ล่าสุด วิคเตอร์ เฮอร์แมน โค้ชทีมชาติไทย ยังคงให้โอกาสกับผู้เล่นที่ถูกตัดชื่อออกมาซ้อมด้วย โดยในการซ้อมวันศุกร์ที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา ขาดผู้เล่นหลายคน อาทิ "เนิร์ส" จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ไปงานศพญาติ "ช้าง" กฤษดา วงษ์แก้ว ไปจัดการเรื่องการเกณฑ์ทหาร

        นอกจากนี้ "อาร์ม" ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง กับ "มิกซ์" เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ ก็ไม่ได้มาซ้อมเพราะเดินทางไปจัดการเรื่องการเข้ารับราชการตำรวจ หลังจากที่ได้รับการบรรจุอยู่ในหน่วยงานของกองทะเบียนกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยได้ยศสิบตำรวจตรี (ส.ต.ต.)

        สำหรับในการฝึกซ้อม วิคเตอร์ เฮอร์แมน ได้ใส่แท็กติกต่างๆ มากขึ้นหลังจากที่นักเตะปรับตัวเล่นเข้ากันได้ นอกจากนี้ยังเล่นการต่อบอลและการเล่นจังหวะเดียว พร้อมกับกล่าวว่า "ในเรื่องของเบี้ยเลี้ยงซ้อมที่ออกล่าช้า ก็มาจาก "คุณเซฟ" สุทธิพันธ์ วรรณวินเวศร์ ตอนทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการทีมได้สำรองจ่ายเงินของตัวเองไปก่อนแล้วค่อยไป เบิกกับสมาคมฟุตบอลฯ ทีหลัง ทำให้นักเตะได้เงินตามกำหนด เนื่องจากตอนนี้ "คุณเซฟ" ได้ลาออกไปแล้ว ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา แต่เรื่องนี้ทางสมาคมฟุตบอลฯ ก็คงจะทราบในเรื่องนี้ไปแล้ว เรื่องของเงินเบี้ยเลี้ยงของนักเตะคงจะได้ในเร็วๆ วันนี้"

ขอขอบคุณ http://www.siamsport.co.th

"อาดิดาส"กับสุดหล่อ"เบ็คส์"



อาดิดาส สปอนเซอร์คู่ใจของ เดวิด เบ็คแฮม อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับเกมอำลาสนามในบ้านนัดสุดท้ายของเจ้าตัวกับ เปแอสเช โดยได้ออกแบบรองเท้ารุ่นพิเศษให้เพื่อสวมใส่สำหรับนัดนี้โดยเฉพาะ มีความพิเศษตรงมีการใส่ชื่อครอบครัวของมิดฟิลด์วัย 38 ไว้บนสตั๊ดด้วย
        เดวิด เบ็คแฮม กองกลางซูเปอร์สตาร์ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เตรียมลงเตะแมตช์สั่งลาในถิ่น ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ กับ แบรสต์ ในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส คืนวันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคมนี้ ด้วยการสวมรองเท้าคู่พิเศษที่ "อาดิดาส" สปอนเซอร์คู่บุญจากเยอรมัน สั่งทำขึ้นเพื่อมอบเป็นของขวัญสำหรับการอำลาโดยเฉพาะ
 
        อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ วัย 38 ปี ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าจะแขวนสตั๊ดหลังจากสิ้นสุดฤดูกาลนี้ และ คาร์โล อันเชลอตติ เทรนเนอร์ "เปแอสเช" ยืนยันว่าจะให้คุณพ่อลูกสี่ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมเหย้านัดสุดท้ายของฤดูกาล อย่างแน่นอน ซึ่ง อาดิดาส ก็ถือโอกาสออกแบบรองเท้าคู่ใหม่ให้สวมใส่กับวาระพิเศษนี้แบบปัจจุบันทันด่วน เลยทีเดียว
 
        เบ็คแฮม ไม่เคยเปลี่ยนไปใส่สตั๊ดยี่ห้ออื่นอีกเลยนอกจาก "อาดิดาส พรีเดเตอร์" นับตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งเป็นปีที่เจ้าตัวแจ้งเกิดจากลูกยิงไกลกว่าครึ่งสนามในเกมพรีเมียร์ลีก กับ วิมเบิลดัน ส่วนรุ่นพิเศษนี้มีชื่อรุ่นว่า "พรีเดเตอร์ แอลแซด" ซึ่งจะมีการปักวันที่จะลงสนาม 18/5/13, เบอร์ดังๆ ที่เคยสวมใส่ 7, 23 และ 32 รวมถึงชื่อ วิคตอเรีย ภรรยา และลูกๆ ทั้งสี่คน บรู๊คลีน, โรมิโอ, ครูซ และ ฮาร์เปอร์ เอาไว้ด้วย
 
        อดีตดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และ เอซี มิลาน กล่าวว่า "นี่ เป็นช่วงเวลาที่พิเศษสำหรับผมจริงๆ และผมมีความสุขที่ อาดิดาส หุ้นส่วนที่ร่วมงานกับผมมายาวนานได้ทำสิ่งพิเศษให้ผมเพื่อเป็นที่ระลึกด้วย" 
 
ขอขอบคุณ http://www.siamsport.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อาลัย ''น้องแป้ง'' สุชาดา ภู่โค อุบัติเหตุ! ยุติเส้นทางนักบาสฯ...ไม่มีวันกลับ


เป็นข่าวที่ไม่ค่อยสู้ดี ฤกษ์ปีใหม่ไทยของวงการกีฬาบ้านเรา ต้องสังเวย 1 ชีวิต ''น้องแป้ง'' สุชาดา ภู่โค นักบาสเกตบอลสาวอดีตเยาวชนทีมชาติไทย ซึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ย่านคลองหลวง ปทุมธานี สร้างความโศกเศร้าให้กับครอบครัว ''ภู่โค'' และเพื่อนๆ ในวงการบาสเกตบอลไม่น้อย

        ขณะที่เพื่อนๆ ร่วมทีมแบงก์กรุงเทพ และม.กรุงเทพ หยุดพักผ่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ ''น้องแป้ง'' กลับต้องมายุติเส้นทางนักบาสเกตบอล กีฬาที่ตนเองรักมาตลอด 10 ปี ตั้งแต่เริ่มเล่นเมื่ออายุ 13 ปี ชนิดที่ไม่หวนกลับมาอีกต่อไป แม้ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ที่ทำให้แม่นห่วงสาววัย 23 ปี จบชีวิตลงครั้งนี้ แต่สิ่งที่วงการกีฬาไทยเสียดายไม่น้อยไปกว่าชีวิตของเธอนั้น คือ ทักษะและความสามารถด้านกีฬาบาสเกตบอลของ ''น้องแป้ง'' ที่มีโอกาสก้าวมาเป็นตัวหลักในทีมชาติไทยชุดใหญ่ได้ในอนาคต แต่ตอนนี้ก็เป็นได้แค่อดีตเสียแล้ว



        ''โค้ชอ้วน'' อ.สมนึก ปราบใหญ่ ผู้ฝึกสอนทีมบาสเกตบอลหญิงธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ''แป้ง'' เป็นคนที่ร่าเริงและชอบสนุกสนาน อุปนิสัยรักเพื่อน ส่วนทักษะด้านกีฬาบาสเกตบอลถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และสามารถพัฒนาขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ได้ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ชุด บี น่าเสียดายที่ไม่ได้ร่วมงานกันอีก หวังว่าความทุ่มเทของแป้งจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนในทีม สร้างผลงานให้ดีต่อไป อย่างน้อยจะได้ทำเพื่อเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งที่เคยร่วมซ้อมร่วมแข่ง และมีความผูกพันกันมา

        อาจจะเป็นเพราะความประมาท หรือไม่ชินกับเส้นทาง ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ ''น้องแป้ง'' สุชาดา ภู่โค รายนี้ แต่สำคัญที่สุดเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นอุทาหรณ์ของความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ของครอบครัว ไม่มีใครหรือครอบครัวใดอยากจะเผชิญ

        มนุษย์เราหากชีวิตตั้งมั่นอยู่ภายใต้การครองสติแล้ว สุดท้ายความ ''สูญ'' เสีย ก็จะกลายเป็น ''ศูนย์''


 
 
ขอขอบคุณ www.siamsport.co.th 

วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เตรียมพร้อมก่อนซีเกมส์

 
 ซิโก้รับอยากพาทีมซีเกมส์ลับแข้งต่างชาติ
           ''ซิโก้'' เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ รับน้อยใจที่เหมือนถูกแขวนอยู่โดดเดี่ยว อยากพาทีมลับแข้งต่างชาติ อยากแสดงความคิดเห็นแต่ก็ทำไม่ได้เท่าที่ควร ด้าน ''วินนี่'' วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย รับเครียดกับข่าวของตัวเองจนนอนไม่หลับ แต่ใจชื้นได้กำลังใจที่ดีของแฟนบอลที่ส่งกำลังใจทางเฟซบุ๊กจนทำให้อยากสู้ ต่อเพื่อบอลไทย
ความคืบหน้าภายหลังจากที่ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ออกมาเปิดเผยว่า จะยุติการทำงานร่วมกันระหว่างสมาคมฟุตบอลฯ กับ "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย หลังจากสัญญาจะหมดลงปลายเดือนมิถุนายน 2556 เนื่องจาก "วินนี่" มีปัญหามากมายในการทำงานและต้องต่อสู้กับเรื่องภายนอกจึงเกรงว่าจะไม่สามารถ ทำงานได้อย่างราบรื่น
           ล่าสุด "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ออกมายอมรับว่า ตัวเองค่อนข้างเครียดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในห้วงเวลานี้จนบ้าง ครั้งแทบนอนไม่หลับ ทว่าได้รับกำลังใจจากแฟนบอลไม่ต่ำกว่า 30,000 คน ที่เข้ามาให้กำลังใจในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งตัวเองได้อ่านทุกข้อความทำให้ได้รู้ว่าทุกคนล้วนแล้วแต่ห่วงใย ซึ่งต้องขอบคุณมากเพราะสิ่งเหล่านี้คือกำลังใจดีๆ ในการทำงานเพื่อวงการฟุตบอลไทยต่อไป
           ทางด้านความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ภายใต้การนำทัพของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่เตรียมทีมก่อนลุยแข้งมหกรรมฟุตบอลซีเกมส์ ที่เมืองเนย์ปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 11-22 ธ.ค. นี้ ล่าสุดออกมายอมรับว่า น้อยใจที่ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ไม่มีสิทธิ์ขยับขยายอะไรเลยแม้แต่เกมการอุ่น เครื่อง โดยทุกคนมองว่าเป็นทีมเล็กทั้งที่ก็เป็นหน้าตาของประเทศเช่นกัน
"แน่นอนว่าเราได้เกมอุ่นเครื่องในวันที่ 22 พ.ค. นี้กับ โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี ซึ่งเป็นเกมที่ 6 ของเรา แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะกุนซือก็อยากจะมีเกมอุ่นเครื่องกับทีมต่างชาติบ้าง เพราะซีเกมส์เราไปเตะกันที่เนย์ปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ ขณะเดียวกันนักเตะชุดซีเกมส์ต้องการมากกับประสบการณ์ในการเล่นเกมต่างชาติ

          "แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีคนมองว่าทีมเราเป็นทีมเล็ก วางแผนอะไรไม่ได้มากเหมือนกับถูกปล่อยโดดเดี่ยว อยากอุ่นเครื่องอยากแสดงความคิดเห็นอะไรบ้างก็ไม่มีเสียงตอบรับที่ดีกลับมา เท่าที่ควร ทั้งที่จริงๆ แล้วความสำเร็จของทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ มันคือความสุขของคนไทยทั้งประเทศเหมือนกัน"

ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าวถึงประเด็นที่ว่า "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ออกมายืนยันว่า จะให้ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คุมทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ผสมชุดใหญ่ไปอุ่นเครื่อง กับทีมชาติจีน ที่หนานกิง กุนซือจอมตีลังกา เผยว่า "เรื่องนี้ตนพอรู้มาจากข่าวว่าจะเป็นอย่างนั้น ซึ่งตรงนี้ไม่อยากจะแสดงความคิดเห็นเนื่องจากเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่คุยกัน รอให้ลงตัวก่อนค่อยว่ากัน" "ซิโก้" กล่าวทิ้งท้าย

ขอขอคุณ http://www.siamsport.co.th/

ว่าด้วยเรื่อง"กีฬาปิงปอง"

    กีฬาปิงปอง เป็นกีฬาสันทนาการอีกชนิดหนึ่งที่สามารถเล่นเพื่อสร้างความสนุกสนานในหมู่ คณะ ขณะเดียวกันก็เป็นกีฬาที่มีความท้าทายที่ผู้เล่นต้องต้องอาศัยไหวพริบ และความคล่องแคล่วของร่างกายในการรับ-ส่งลูก ซึ่งความท้าทายนี้จึงทำให้กีฬาปิงปองได้รับความนิยมในระดับสากล กระทั่งถูกบรรจุในการแข่งขันระดับโลก ด้วยความน่าสนใจของกีฬาปิงปองนี้ ดังนั้นทางกระปุกดอทคอมจึงได้นำข้อมูลของกีฬาปิงปองมาฝากค่ะ

ประวัติกีฬาปิงปอง หรือ เทเบิลเทนนิส

          กีฬา ปิงปองได้เริ่มขึ้นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1890 (พ.ศ. 2433) ที่ประเทศอังกฤษ โดยในอดีตอุปกรณ์ที่ใช้เล่นปิงปองเป็นไม้หุ้มหนังสัตว์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับไม้ปิงปองในปัจจุบัน ส่วนลูกที่ใช้ตีเป็นลูกเซลลูลอยด์ ซึ่งทำจากพลาสติกกึ่งสังเคราะห์ โดยเวลาที่ลูกบอลกระทบกับพื้นโต๊ะ และไม้ตีจะเกิดเสียง "ปิก-ป๊อก"  ดังนั้น กีฬานี้จึงถูกเรียกชื่อตามเสียงที่ได้ยินว่า "ปิงปอง" (PINGPONG) และได้เริ่มแพร่หลายในกลุ่มประเทศยุโรปก่อน

          ซึ่งวิธีการเล่นในสมัยยุโรปตอนต้น จะเป็นการเล่นแบบยัน (BLOCKING)  และแบบดันกด (PUSHING) ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็นการเล่นแบบ BLOCKING และ CROP  หรือเรียกว่า การเล่นถูกตัด ซึ่งวิธีการเล่นนี้เป็นที่นิยมมากแถบนยุโรป ส่วน วิธีการจับไม้ จะมี 2 ลักษณะ คือ จับไม้แบบจับมือ (SHAKEHAND) ซึ่งเราเรียกกันว่า "จับแบบยุโรป" และการจับไม้แบบจับปากกา (PEN-HOLDER) ซึ่งเราเรียกกันว่า "จับไม้แบบจีน"

          ในปี ค.ศ. 1900 (พ.ศ.  2443) เริ่มปรากฏว่า มีการหันมาใช้ไม้ปิงปองติดยางเม็ดแทนหนังสัตว์ ดังนั้นวิธีการเล่นแบบรุก หรือแบบบุกโจมตี (ATTRACK หรือ OFFENSIVE)  โดยใช้ท่า หน้ามือ (FOREHAND)  และ หลังมือ  (BACKHAND) เริ่มมีบทบาทมากขึ้น และยังคงนิยมการจับแบบไม้แบบยุโรป ดังนั้นจึงถือว่ายุโรปเป็นศูนย์รวมของกีฬาปิงปองอย่างแท้จริง

          ต่อมาในปี ค.ศ. 1922 (พ.ศ. 2465)  ได้มีบริษัทค้าเครื่องกีฬา จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าว่า "PINGPONG" ด้วยเหตุนี้ กีฬาปิงปองจึงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น เทลเบิลเทนนิส (TABLE TENNIS) และในปี ค.ศ. 1926 (พ.ศ. 2469) ได้มีการประชุมก่อตั้งสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (INTERNATIONAL TABLETENNIS FEDERATION : ITTF) ขึ้นที่กรุงลอนดอนในเดือนธันวาคม  พร้อมกับมีการจัดการแข่งขันเทเบิลเทนนิสแห่งโลกครั้งที่ 1  ขึ้น เป็นครั้งแรก

          จากนั้นในปี ค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493) เป็นยุคที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้หันมาสนใจกีฬาเทเบิลเทนนิสมากขึ้น และได้มีการปรับวิธีการเล่นโดยเน้นไปที่ การตบลูกแม่นยำ และหนักหน่วง และการใช้จังหวะเต้นของปลายเท้า ต่อมาในปี ค.ศ. 1952 (พ.ศ. 2495) ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมการแข่งขันเทเบิลเทนนิสโลกเป็นครั้งแรก ที่กรุงบอมเบย์ ประเทศอินเดีย และในปี ค.ศ. 1953 (พ.ศ. 2496) สาธารณรัฐประชาชนจีนจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกที่กรุงบูคาเรสต์ ประเทศรูมาเนีย  ทำให้จึงกีฬาเทเบิลเทนนิสกลายเป็นกีฬาระดับโลกที่แท้จริง โดยในยุคนี้ญี่ปุ่นใช้การจับไม้แบบจับปากกา  และมีการพัฒนาไม้ปิงปองโดยใช้ยางเม็ดสอดไส้ด้วยฟองน้ำ เพิ่มเติมจากยางชนิดเม็ดเดิมที่ใช้กันทั่วโลก



ปิงปอง


          ในเรื่อง เทคนิคของการเล่นนั้น ยุโรปรุกด้วยความแม่นยำ และมีช่วงตีวงสวิงสั้น ๆ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นที่ใช้ปลายเท้าเป็นศูนย์กลางของการตีลูกแบบ รุกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ญี่ปุ่นสามารถชนะการเล่นของยุโรปได้  แม้ในช่วงแรกหลายประเทศจะมองว่าวิธีการเล่นของญี่ปุ่น เป็นการเล่นที่ค่อนข้างเสี่ยง แต่ญี่ปุ่นก็สามารถเอาชนะในการแข่งขันติดต่อกันได้หลายปี เรียกได้ว่าเป็นยุคมืดของยุโรปเลยทีเดียว

          ในที่สุดสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนสามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้ด้วยวิธีการเล่นที่โจมตีแบบ รวดเร็ว ผสมผสานกับการป้องกัน  ซึ่งจีนได้ศึกษาการเล่นของญี่ปุ่น ก่อนนำมาประยุกต์ให้เข้ากับการเล่นแบบที่จีนถนัด กระทั่งกลายเป็นวิธีการเล่นของจีนที่เราเห็นในปัจจุบัน

          หลังจากนั้นยุโรปได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากนำวิธีการเล่นของชาวอินเดียมาปรับปรุง และในปี ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513) จึงเป็นปีของการประจันหน้าระหว่างผู้เล่นชาวยุโรป และผู้เล่นชาวเอเชีย แต่นักกีฬาของญี่ปุ่นได้แก่ตัวลงแล้ว ขณะที่นักกีฬารุ่นใหม่ของยุโรปได้เริ่มเก่งขึ้น  ทำให้ยุโรปสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศชายเดี่ยวของโลกไปครองได้สำเร็จ

          จากนั้นในปี ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) นักเทเบิลเทนนิสชาวสวีเดน  ชื่อ  สเตลัง  เบนค์สัน  เป็นผู้เปิดศักราชใหม่ให้กับชาวยุโรป  โดยในปี ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516) ทีมสวีเดนสามารถคว้าแชมป์โลกได้ จึงทำให้ชาวยุโรปมีความมั่นใจในวิธีการเล่นที่ปรังปรุงมา ดังนั้นนักกีฬาของยุโรป และนักกีฬาของเอเชีย จึงเป็นคู่แข่งที่สำคัญ ในขณะที่นักกีฬาในกลุ่มชาติอาหรับ และลาตินอเมริกา  ก็เริ่มก้าวหน้ารวดเร็วขึ้น และมีการแปลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านเทคนิค ทำให้การเล่นแบบตั้งรับ ซึ่งหายไปตั้งแต่ปี  ค.ศ. 1960 (พ.ศ. 2503)  เริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้ง

          จากนั้นจึงได้เกิดการพัฒนา เทคนิคการเปลี่ยนหน้าไม้ในขณะเล่นลูก  และมีการปรับปรุงหน้าไม้ซึ่งติดด้วยยางปิงปอง  ที่มีความยาวของเม็ดยางมากกว่าปกติ โดยการใช้ยางที่สามารถเปลี่ยนวิถีการหมุน และทิศทางของลูกเข้าได้ จึงนับได้ว่ากีฬาเทเบิลเทนนิสเป็นกีฬาที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยมีการพัฒนาอุปกรณ์ และมีวิธีการเล่นใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา กระทั่งกีฬาเทเบิลเทนนิสได้ถูกบรรจุเป็นการแข่งขันประเภทหนึ่งในกีฬา โอลิมปิก เมื่อปี ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี

          สำหรับประวัติกีฬาเทเบิ้ลเทนนิสในประเทศไทยนั้น ทราบเพียงว่า คนไทยรู้จักคุ้นเคย และเล่นกีฬาเทเบิลเทนนิสมาเป็นเวลาช้านาน แต่รู้จักกันในชื่อว่า กีฬาปิงปอง โดยไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่า มีการนำกีฬาชนิดนี้เข้ามาเล่นในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใด และใครเป็นผู้นำเข้ามา แต่ปรากฏว่ามีการเรียนการสอนมานานกว่า 30 ปี  โดยในปี พ.ศ. 2500 ประเทศไทยได้มีการจัดตั้งสมาคมเทเบิลเทนนิสสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และมีการแข่งขันของสถาบันต่างๆ รวมทั้งมีการแข่งขันชิงแชมป์ถ้วยพระราชทานแห่งประเทศไทย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


ปิงปอง


การเล่นกีฬาปิงปอง หรือเทเบิลเทนนิส

          กีฬาปิงปอง หรือ เทเบิลเทนนิส ที่เรารู้จักกันนั้น ถือเป็นกีฬาที่มีความยากในการเล่น เนื่องจากธรรมชาติของกีฬาประเภทนี้ ถูกจำกัดให้ตีลูกปิงปองลงบนโต๊ะของคู่ต่อสู้ ซึ่งบนฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่เพียง 4.5 ฟุต X 5 ฟุต และลูกปิงปองยังมีน้ำหนักเบามาก เพียง 2.7 กรัม โดยความเร็วในการเคลื่อนที่จากฝั่งหนึ่ง ไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที ทำให้นักกีฬาต้องตีลูกปิงปองที่กำลังเคลื่อนมากลับไปทันที ซึ่งหากลังเลแล้วตีพลาด หรือไม่ตีเลย ก็อาจทำให้ผู้เล่นเสียคะแนนได้

           ทั้งนี้ ปิงปองมีประโยชน์ต่อผู้เล่น เนื่องจากต้องอาศัยความคล่องแคล่ว ว่องไวในทุกส่วนของร่างกาย ดังนี้

          1. สายตา : สายตาจะต้องจ้องมองลูกอยู่ตลอดเวลา เพื่อสังเกตหน้าไม้ของคู่ต่อสู้ และมองลูกว่าจะหมุนมาในลักษณะใด

          2. สมอง : ปิงปองเป็นกีฬาที่ต้องใช้สมองในการคิดอยู่ตลอดเวลา รวมถึงต้องวางแผนการเล่นแบบฉับพลันอีกด้วย

          3. มือ : มือที่ใช้จับไม้ปิงปอง จะต้องคล่องแคล่ว และว่องไว รวมถึงต้องรู้สึกได้เมื่อลูกปิงปองสัมผัสถูกหน้าไม้

          4. ข้อมือ : ในการตีบางลักษณะ จำเป็นต้องใช้ข้อมือเข้าช่วย ลูกจึงจะหมุนมากยิ่งขึ้น

          5. แขน : ต้องมีพละกำลัง และมีความอดทนในการฝึกซ้อมแบบสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดความเคยชิน

          6. ลำตัว : การตีลูกปิงปองในบางจังหวะ ต้องใช้ลำตัวเข้าช่วย

          7. ต้นขา : ผู้เล่นต้องมีต้นขาที่แข็งแรง เพื่อเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนที่ตลอดเวลา

          8. หัวเข่า : ผู้เล่นต้องย่อเข่า เพื่อเตรียมพร้อมในการเคลื่อนที่

          9. เท้า :  หากเท้าไม่เคลื่อนที่เข้าหาลูกปิงปอง ก็จะทำให้ตามตีลูกปิงปองไม่ทัน


ปิงปอง


วิธีการเล่นกีฬาปิงปอง หรือ เทเบิลเทนนิส

          1. การส่งลูกที่ถูกต้อง ลูกจะต้องอยู่ที่ฝ่ามือแล้วโยนขึ้นไปในอากาศ สูงไม่น้อยกว่า 16 เซนติเมตร

          2. การรับลูกที่ถูกต้อง เมื่อลูกเทเบิลเทนนิสถูกตีข้ามตาข่ายมากระทบแดนของตนครั้งเดียว ต้องตีกลับให้ข้ามตาข่าย หรืออ้อมตาข่ายกลับไป ลูกที่ให้ส่งใหม่ คือ ลูกเสิร์ฟติดตาข่าย แล้วข้ามไปตกแดนคู่ต่อสู้หรือเหตุอื่นที่ผู้ตัดสินเห็นว่าจะต้องเสิร์ฟใหม่

          3. การแข่งขันมี 2 ประเภท คือ ประเภทเดี่ยวและประเภทคู่

          4. การนับคะแนน ถ้าผู้เล่นทำผิดกติกา จะเสียคะแนน

          5. ผู้เล่นหรือคู่เล่นที่ทำคะแนนได้ 11 คะแนนก่อน จะเป็นฝ่ายชนะ ยกเว้นถ้าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้ 10 คะแนนเท่ากันจะต้องเล่นต่อไป โดยฝ่ายใดทำคะแนนได้มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง 2 คะแนน จะเป็นฝ่ายชนะ

          6. การแข่งขันประเภททีมมี 2 แบบ คือ

                    6.1. SWAYTHLING CUP มีผู้เล่นครั้งละ 3 คน

                    6.2. CORBILLON CUP มีผู้เล่นครั้งละ 2 - 4 คน

ขอขอบคุณ http://hilight.kapook.com

วอลเล่บอลไทยหาทายาท


       "โค้ชอ๊อด" เฮดโค้ชใหญ่ของทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ยอมรับว่ากำลังดูฟอร์มนักกีฬาระดับเยาวชนเพื่อเข้ามาเสริมทีม แต่ยังไม่บอกว่าเป็นใคร พร้อมกับยึดชุดหลักเป็นแกนลุยศึก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2013
   
      หลังจากที่ "โค้ชอ๊อด" เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เดินทางกลับถึงประเทศไทย และกำลังเตรียมทีมเพื่อเข้าร่วมทำการแข่งขันรายการต่างๆ ในปี 2556

      ล่าสุด "โค้ชอ๊อด" ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ระหว่างที่เดินทางไปร่วมงานจับสลากแบ่งสายวอลเลย์บอลยุวชนหญิงชิงแชมป์โลก ถึงการเตรียมความพร้อมของทีมชาติชุดใหญ่ว่า "ก่อนหน้านี้เราได้ให้นักกีฬาตัวหลักของทีมได้พักผ่อนร่างกาย หลังจากที่เค้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากการเล่นลีกอาชีพที่ประเทศอาเซอร์ไบจาน แต่วันแรกของการเรียกซ้อม เราจะมีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายของนักกีฬาก่อนเป็นอันดับแรก"

     "จากนั้นก็จะดำเนินการเตรียมการซ้อมระยะสั้น 3-4 วัน ก่อนเดินทางวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ไปเข้าร่วมทำการแข่งขันรายการอินวิเตชั่นที่ประเทศจีน ซึ่งรายการนี้จะดูทิศทางของทีมเราและคู่แข่งไปในตัว" "โค้ชอ๊อด" พูดถึงการเตรียมทีมระยะแรก

     ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงรายชื่อนักกีฬาที่จะใช้ทำการแข่งรายการ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ "โค้ชอ๊อด" ได้ตอบว่า " เรื่องผู้เล่นที่จะส่งทีมเข้าแข่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ยังเป็นผู้เล่นตัวหลักที่จะเป็นแกนของทีม แต่ได้ดูไว้เหมือนกันสำหรับนักกีฬาระดับเยาวชน ซึ่งยังไงต้องดูพัฒนาการของเค้าในช่วงนี้ก่อนว่าเป็นอย่างไร สำหรับโอกาสของทีมชาติเป็นของทุกคนหากมีความตั้งใจ" ผู้สื่อข่าวได้ถามจี้ไปว่าเป็นนักกีฬาเยาวชนคนไหนที่จับตาดูอยู่ แต่โค้ชอ๊อดเพียงแค่ยิ้มและขอยังไม่บอกแต่อย่างใด

      สำหรับวอลเลย์บอลรายการอินวิเตชั่นที่ประเทศจีน ทีมชาติไทยจะเดินทางวันที่ 15 พฤษภาคม 2556 เวลา 11.00 น. ด้วยเที่ยวบิน TG664

ขอขอบคุณhttp://volleyball.smmonline.net

โดดไปเรื่องของ"ป๋า"

หลังจากข่าวสุดช็อกวงการฟุตบอลได้เกิดขึ้น เมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน


        กุนซือทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจโบกมืออำลาจากการเป็นผู้จัดการทีมที่อยู่บนบังลังก์มานานถึง 27 ปี ทำให้แฟนๆ อดใจหายและอดคิดถึงไม่ได้ว่านับจากนี้ไปเกมลูกหนังยามที่ขาดชายแก่ที่ชื่อ ''เฟอร์กี้'' นั้นจะเป็นอย่างไร

        ที่ผ่านมาแฟนบอลมักคุ้นชินกับการได้เห็นบรมกุนซือรายนี้กุม บังเหียน ''ปีศาจแดง'' คุมทัพที่ข้างสนามทุกเกมที่ทีมลงแข่ง ทว่าฤดูกาลใหม่ 2013-2014 ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่แปลกตาไม่น้อย ผู้จัดการทีมคนใหม่ของแมนฯ ยูไนเต็ด จะเปลี่ยนมาเป็น เดวิด มอยส์ ผู้ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่งยันและนอนยันว่าเขาคนนี้แหละคือบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในการสานต่อรากฐาน ความสำเร็จในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

        แน่นอนว่าเวลาเท่านั้นที่จะตอบคำถามทั้งหมดว่ามอยส์คือตัวเลือก ที่ใช่จริงหรือไม่ ทว่าหลังจากจบฤดูกาลนี้ยามที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลงจากบัลลังก์อย่างเป็นทางการคงมีแฟนบอลจำนวนมากที่จะต้องคิดถึงบุคลิกและ ความเป็นตัวตนของยอดกุนซือผู้ยิ่งใหญ่รายนี้ซึ่งเราขอรวบรวม 10 อย่างที่ท่านจะต้องคิดถึงป๋ามาให้รับทราบกันว่ามีสิ่งใดกันบ้าง และมันจะทำให้อรรถรสในเกมลูกหนังขาดสีสันไปเพียงใดไปดูกันเลย

        1. เฟอร์กี้ ไทม์
         เมื่อเกมการแข่งขันดำเนินเข้าสู่ช่วงทด เวลาบาดเจ็บบ่อยครั้งที่เราจะเห็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จับจ้องมองนาฬิกาที่ข้อมือเป็นระยะๆ ยิ่งในยามที่ทีม ''ปีศาจแดง'' ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันหรือต้องการชัยชนะ หากมีการทำฟาวล์เกิดขึ้นหรือผู้ตัดสินเป่าหยุดเกม ยอดบรมกุนซือมักจะคอยเตือนผู้ช่วยตัดสินข้างสนามให้ทดเวลาเพิ่มเข้าไปเสมอ แต่ถ้าในทางกลับกัน แมนฯ ยูไนเต็ด มีสถานการณ์ที่ได้เปรียบท่านเซอร์ก็จะคอยเตือนท่านเปาให้เป่าหมดเวลาได้แล้ว ซึ่งถือเป็นการกดดันผู้ตัดสินที่จัดว่ามีอิทธิพลอย่างมากก็ว่าได้
         มัน เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งหมดนี้อาจเป็นเพราะอิทธิพลของเฟอร์กี้ที่ชอบ ไปยืนกดดันที่ข้างสนาม ซึ่งเหตุการณ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดเช่นในเกมนัดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลี กสมัยแรกในยุคของเขาในปี 1993 เกมนั้น สตีฟ บรูซ ปราการหลังตัวแกร่งทำสองประตูช่วยให้แมนฯ ยูไนเต็ด แซงเอาชนะเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์  2-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ รวมถึงเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่แซงเอาชนะบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรก






        2. เอกลักษณ์เฉพาะตัว
 หากจะกล่าวไว้ว่า เฟอร์กูสัน ก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คือ เฟอร์กูสัน ลองนึกภาพตามว่าเกมลูกหนังจะสิ้นมนต์ขลังไปขนาดไหนเมื่อมองไปที่ซุ้มม้านั่ง สำรองของแมนฯ ยูไนเต็ด แล้วไม่ได้เห็นชายแก่วัย 71 ปี สวมเสื้อโคตสีดำตัวใหญ่นั่งเคี้ยวหมากฝรั่งที่ข้างสนาม
 ขณะเดียวกัน ยามที่คุมลูกทีมลงฝึกซ้อมบ่อยครั้งที่เรามักจะเห็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สวมหมวกไหมพรมสีแดงซึ่งมีธงชาติเวลส์ติดอยู่หลังจากไปฉกมาจาก ไรอัน กิ๊กส์ ตั้งแต่ปี 1996 และดูทีท่าว่าปีกจอมเก๋าไม่น่าจะได้คืนอีกแล้วด้วย





        3. วลีเด็ดบาดใจสำเนียงสกอตต์
ด้วยความที่เป็นคนสกอตแลนด์ ยามที่จะพูดหรือให้สัมภาษณ์อะไรนั้นสำเนียงของเขาทำให้นักข่าวและแฟนบอลทั้ง หลายต้องตั้งใจฟังสุดฤทธิ์ว่าป๋าพูดอะไร ทว่าด้วยสำเนียงที่ฟังยากอันเป็นเอกลักษณ์นั้นมักจะแฝงไปด้วยวาทะเด็ดที่ เสียดแทงใจได้เสมอ
ในปี 1986 ช่วงที่เฟอร์กี้ย้ายมาคุมทัพแมนฯ ยูไนเต็ด เขาประกาศเสียงดังฟังชัดว่า ''ผมอยากจะเขี่ยลิเวอร์พูลออกจากบัลลังก์ลีกผู้ดีให้ได้'' ซึ่งช่วงนั้นมีแต่คนคิดว่าป๋าไม่บ้าก็คงเพี้ยนไปแล้ว แต่ในที่สุดสิ่งที่ท่านเซอร์ได้เสกให้ ''ปีศาจแดง'' เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็คือความยิ่งใหญ่จนกลายเป็นยอดทีมเบอร์หนึ่งของวงการลูก หนังผู้ดีไปแล้วในเวลานี้

 
    4. ไดร์เป่าผมอันเลื่องชื่อ
สิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของกุนซือ เลือดสกอตต์รายนี้ก็คือ แฮร์ ดรายเออร์ หรือไดร์เป่าผม ที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตามที่ป๋าไม่สบอารมณ์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกทีม, ผู้ตัดสิน กุนซือฝั่งตรงข้าม หรือแม้กระทั่งนักข่าว ซึ่งต่างก็รับรู้ถึงกิตติศัพท์นี้เป็นอย่างดี
วันไหนที่พลพรรคแข้ง ''เร้ด เดวิลส์'' ทำผลงานไม่ได้ดั่งใจทุกคนต่างรู้สึกหวั่นผวาเมื่อเขาต้องกลับเข้าห้องแต่ง ตัวราวกับต้องไปเผชิญกับบ้านร้างในรายการล่าท้าผี ยกตัวอย่างเช่น ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่ชอบฟังเพลงในห้องแต่งตัวก็เคยถูกเฟอร์กี้กระชากหูฟังมาแล้วโทษฐานที่ไม่ ฟังป๋าบ่น ''ผมเป็นผู้จัดการทีมให้กับสโมสรที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ผมเป็นคนเปิดเผยตัวและอารมณ์ร่วมกับเกม แต่ทุกคนรู้ดีว่าผมไม่ใช่คนรุนแรงอะไร''





        5. พวกแตกแถวต้องโดน
นับตั้งแต่อยู่บนบัลลังก์ ''ปีศาจแดง'' มากว่า 27 ปี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องเผชิญหน้ากับกุนซือทีมต่างมาหลายร้อยราย บางคนญาติดีมาป๋าก็ดีตอบ หรือบางคนไม่มองหน้ากันสาดน้ำลายใส่กันก็มีมากมาย เช่น อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซน่อล รวมถึง ราฟาเอล เบนิเตซ อดีตกุนซือทีมคู่อริตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูล
ขณะเดียวกัน พวกนักเตะที่ชอบทำตัวแตกแถวนอกลู่นอกทางไม่อยู่ในโอวาท เฟอร์กี้ก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเมื่อครั้งที่เขาจัดการระเบิดอารมณ์ในห้องแต่งตัวหวดสตั๊ดลอยไป โดนหน้า เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์ของทีมจนคิ้วซ้ายแตก แม้ว่าป๋าจะออกโรงชี้แจงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่พอจบฤดูกาลเบ็คแฮมก็ต้องย้ายออกจากทีมไปร่วมทัพเรอัล มาดริด

        หรือแม้แต่กรณีของ ยาป สตัม ปราการหลังร่างยักษ์ทีมชาติฮอลแลนด์ที่ดันทะลึ่งนำเรื่องราวของเฟอร์กี้ไปแฉ ในหนังสือพ็อกเกตบุ๊กของตัวเองจนสุดท้าย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เดินเข้าไปหาแล้วบอกเพียงสั้นๆ ว่า ''เอ็งต้องไปแล้วนะ'' จากนั้นก็ถูกอัปเปหิไปอยู่กับลาซิโอแบบไม่มีวันกลับ





        6. คุณไม่มีทางชนะอะไรด้วยเด็กพวกนี้หรอก
ข้างต้นคือวลีเด็ด ของ อลัน แฮนเซ่น ตำนานนักเตะของลิเวอร์พูล ที่พูดจาดูถูกแมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคทศวรรษ 90 ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จนทำตัวเองต้องอับอายจนถึงทุกวันนี้
แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนั้นประกอบไปด้วยดาวรุ่งพุ่งแรงที่พุ่งพรวดขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ในเวลา ไล่เลี่ยกัน ซึ่งประกอบด้วย ไรอัน กิ๊กส์, นิคกี้ บัตต์, เดวิด เบ็คแฮม แกรี่ เนวิลล์, ฟิล เนวิลล์ รวมถึง พอล สโคลส์ ซึ่งทั้งหมดต่างพิสูจน์ให้เห็นและลบคำสบประมาทของอดีตกองหลังลิเวอร์พูลได้ อย่างสิ้นเชิง





        7. ความภักดี
แม้บุคลิก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะมีท่าทีแข็งกร้าวไม่ชอบให้ใครขัดใจ แต่ยามที่ผู้เล่นต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตป๋าก็พร้อมจะเข้ามาทำหน้าที่เปรียบ เสมือน ''พ่อ'' คอยปกป้องลูกทีมเสมอ จนนักเตะหลายคนซาบซึ้งและผูกพันธ์กับเฟอร์กี้รวมถึงกับสโมสรอีกด้วยตัวอย่าง ที่ยังเห็นได้ชัดเจนก็คือ แกรี่ เนวิลล์, ไรอัน กิ๊กส์ และ พอล สโคลส์ ซึ่งทั้งสามรายลงเล่นให้กับ ''ปีศาจแดง'' สโมสรแรกและสโมสรเดียวมาทั้งชีวิต



        8. สเต็ปลีลาเต้นฉลองชัย
ถึงแม้อายุอานามจะปาเข้าไป 71 แล้ว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ยังคงเตะปี๊บดังอยู่ และเมื่อใดก็ตามที่ลูกทีมยิงประตูได้เมื่อนั้นป๋าก็จะกระโดดโลดเต้นดีใจราว กับวัยรุ่นอายุ 20 ปี แต่ระยะหลังด้วยสังขารที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน เฟอร์กี้เลือกที่จะชูมือฉลองชัยและหันไปกอดกับเหล่าสตาฟฟ์โค้ชแทน



        9. ปั้นดินให้เป็นดาว
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถือเป็นผู้จัดการทีมคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่ามีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนักในการ ซื้อตัวนักเตะมาเสริมทัพ หลายครั้งหลายคราที่เราเห็นว่าเฟอร์กี้ซื้อนักเตะที่ไม่มีชื่อเท่าไรนัก แต่กลับทำผลงานโด่งดังจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ เช่น เอริก คันโตน่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, รอย คีน หรือแม้แต่นักเตะในอะคาเดมี่อย่าง ไรอัน กิ๊กส์ และ พอล สโคลลส์ ซึ่งช่วยให้ทีม ''ปีศาจแดง'' คว้าแชมป์ต่างๆ มากมายจนถึงปัจจุบัน



        10. รางวัลความสำเร็จของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
หลักฐานความสำเร็จ ประดับเต็มตู้โชว์ของสโมสรคงไม่ต้องบรรยายอะไรแล้วสำหรับแชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 5 สมัย และแชมป์ลีก คัพ 4 สมัย ว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นำพาทีมมาสู่ความสำเร็จให้กับสโมสรมากเพียงใด ดังนั้น ไม่ว่าใครจะชอบหรือจะเกลียดเฟอร์กี้ต่างก็ต้องน้อมคารวะกับผลงานอันน่าทึ่ง ชนิดที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ในในฝีมือของชายคนนี้ที่ชื่อ ''เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน'' บุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลในวงการฟุตบอล

       
ขอขอบคุณ โศณภัทร พรมทอง
จาก http://www.siamsport.co.th

ก่อนจะถึงวันนั้น.....

      
       โอกาสที่จะเกิดโศกนาฏกรรมทั้งในวงการฟุตบอลโลกและวงการฟุตบอลไทยมี อยู่ไม่กี่เรื่อง เรื่องหนึ่งก็คือแฟนบอลยกพวกตีกัน เรื่องต่อมาคือเหตุการณ์อัฒจันทร์ที่นั่งผู้ชมถล่มลงมา ประเทศไทยอาจจะพิเศษหน่อยตรงที่มีโอกาสเกิดเหตุแฟนบอลหรือนักบอลไล่กระทืบ ผู้ตัดสิน

       ผมเห็นคลิปวิดีโอที่เกิด เหตุอัฒจันทร์ สนามบุญสม มาร์ติน หรือสนามกีฬากลาง จ.สุโขทัย ถล่มลงมาในนัดที่พบกับนครสวรรค์จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บร่วม 20 คนแล้วรู้สึกเศร้าและเป็นห่วงความปลอดภัย กลัวว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นที่อื่นอีก ซึ่งหากเกิดขึ้นอีกครั้งไม่ว่าจะที่ไหนอาจจะไม่โชคดีมีแค่คนบาดเจ็บอย่างนี้

         ต้องยอมรับว่ากระแสฟุตบอลไทยวันนี้ร้อนแรงเหลือเกิน แต่ละสนามจำนวนแฟนบอลเยอะกว่าในอดีตมาก โดยเฉพาะสนามต่างจังหวัด ทุกวันเสาร์-อาทิตย์จะเป็นวันฟุตบอลของจังหวัดที่แต่ละครอบครัวต่างหอบลูก จูงหลานเข้าไปเชียร์ทีมจังหวัดของตัวเอง

        สนามกีฬากลาง ซึ่งเดิมอยู่ภายใต้การดูแลของการกีฬาแห่งประเทศไทยหรือ กกท. ช่วงหลังถูกเปลี่ยนมือให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือ อบจ. เข้ามาดูแลแทน ซึ่งร้อยละ 80 จะเป็นรูปแบบเดียวกันคือมีอัฒจันทร์ฝั่งมีหลังคาและฝั่งตรงข้ามที่เป็นปูน ตั้งเด่ๆ ล้อมรอบด้วยรั้วสูงเท่าเอว

        ตรงนั้นไม่น่าจะมีปัญหาครับ แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อแฟนบอลแต่ละจังหวัดเข้าชมมากขึ้นเรื่อยๆ จากความจุเดิมที่จุได้สัก 2 พันคนพอคนดูมากขึ้นก็ต้องเสริมอัฒจันทร์ซึ่งส่วนมากไม่ได้มีงบประมาณเพียงพอ ที่จะสร้างอัฒจันทร์คอนกรีตแบบ 2 ฝั่งเดิมจึงต้องเป็นอัฒจันทร์โครงสร้างเหล็กขึ้นมาเป็นการชั่วคราวบริเวณ หลังประตูทั้งสองด้าน...นั่นเป็นทีมในระดับลีกภูมิภาคหรือดิวิชั่น 2 นะครับ

        ทีมในลีกดิวิชั่น 1 และไทยพรีเมียร์ลีก ที่ไม่ได้ใช้สนามกีฬากลางเดิมเป็นสังเวียนแข้งของตัวเอง อาจจะสามารถสร้างที่นั่งชมได้แข็งแกร่งหน่อยเพราะวางแผนมาดี เตรียมความพร้อมที่จะให้เป็นฟุตบอลสเตเดี้ยมจริงๆ

        แต่ความนิยมในการสร้างอัฒจันทร์ยุคปัจจุบันไม่ค่อยมีใครสร้าง แบบโครงสร้างคอนกรีตหรือปูนเท่าไหร่นักเพราะใช้งบประมาณสูง ใช้เวลาก่อสร้างนานต้องก่ออิฐ ฉาบปูนทีละคืบ ทีละศอก ขณะเดียวกันโครงสร้างเหล็กหลายคนเชื่อมั่นว่าแข็งแรงกว่า ทำได้รวดเร็วกว่า วางเหล็กลงไป เชื่อม อ๊อคให้เข้ากันจากนั้นใช้แผ่นพื้นสำเร็จปูลงไป ใช้เวลาไม่กี่วันก็สามารถเนรมิตสนามได้ดั่งใจ ยิ่งหลายๆสนามที่มาต่อเติมเพิ่มจำนวนที่นั่งเอาตาม จำนวนคนดูที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งต้องสร้างด้วยความรวดเร็ว ลดขั้นตอนต่างๆ ลงไปพอสมควร

        ธรรมชาติของคนดูฟุตบอลมีความเสี่ยงต่อการที่จะเกิดอัฒจันทร์ ถล่มเหลือเกินครับ เพราะคนเป็นพันเป็นหมื่นไม่ได้นั่งชมกันเฉยๆ หรือแค่นั่งปรบมือ แต่ถึงจังหวะดีใจทีแฟนบอลพร้อมใจกันกระทืบเท้ากระโดดโลดเต้น แรงกระแทกจากน้ำหนักมหาศาลที่ถูกกดทับลงมาเพิ่มทวีคูณเป็นหลายเท่า อย่างที่สุโขทัยที่อัฒจันทร์พังลงมาก็เป็นจังหวะที่แฟนบอลพร้อมใจกันลุกขึ้น ยืนเฮกันนั่นแหละครับ

        นี่ไม่นับหากเกิดเหตุการณ์ชุลมุนกันเช่นยกพวกตีกัน หรือวิ่งหนีอะไรสักอย่าง หรือวิ่งไปดูพร้อมๆ กันในจุดใกล้ๆ ด้วยจำนวนคนที่น้ำหนักเกินกว่าบริเวณแคบๆ จะรับไว้ นั่นก็มีโอกาสที่อัฒจันทร์บริเวณนั้นจะพังครืนลงมาก็มีสูงทีเดียว

       บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก หรือคณะกรรมการจัดการแข่งขันเอไอเอสลีก มีการสำรวจสนามก่อนทำการแข่งขันในแต่ละฤดูกาลก็จริง แต่ผมไม่เชื่อว่าคณะกรรมการเหล่านั้นได้มีการทดสอบการรับน้ำหนักด้วยการ จำลองให้มีจำนวนคน น้ำหนัก ที่กดทับลงบนอัฒจันทร์ที่ใกล้เคียงกับความจริง ส่วนมากจะไปตรวจความพร้อมของห้องหับต่างๆ พื้นสนาม ไฟสนาม อัฒจันทร์ที่นั่งว่าเพียงพอหรือไม่

        จากนี้ไปผมอยากเห็นคณะกรรมการทีพีแอล และเอไอเอสลีก มีวิศวกรรวมอยู่ในทีมสำรวจสนามด้วย เพื่อคำนวณความพร้อม การรับน้ำหนักของอัฒจันทร์สนามทุกแห่ง ต้องถือว่านี่เป็นหมวดที่ต้องอยู่ในข้อบังคับ ทุกสโมสรต้องทำให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้เท่านั้น หากทำไม่ได้จะต้องไม่อนุญาตให้ทำการแข่งขัน

       ในวันแข่งขันก็เช่นเดียวกัน แมตช์คอมมิชชันเนอร์ ต้องตรวจสอบด้วยว่าแฟนบอลเข้ามาเกินกว่าที่ขนาดของสนามกำหนดไว้หรือไม่ หากเกินเข้ามา แม้จะนั่งกันได้ เบียดกันไปแต่ก็ยอมไม่ได้เพราะต้องคำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ดูปอดแหก ตาขาวไปหน่อยนะครับ แต่ผมยืนยันว่าต้องทำหากไม่อยากเห็นโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลบ้านเรา


ขอขอบคุณ คุณปูเป้
จาก http://www.siamsport.co.th

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สิงห์คืนกำไรพัฒนาวงการกีฬา

 
บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่นร่วมกับโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด ร่วมกันแถลงข่าวและลงนามเซ็นสัญญาความร่วมมือ ''สิงห์-สโมสรแบดมินตันบ้านทองหยอด'' กับภารกิจสร้างนักแบดฯ มือ 1 โลก สัญชาติไทย โดยมี ''น้องเมย์'' รัชนก อินทนนท์,''อลิศ'' ณริฎษาพัชร แลม และ ''เจ้าพี'' พิสิษฐ์ พูดฉลาด เข้าร่วมแถลงข่าว

         "บิ๊กรัง" รังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับ "อาปุก" กมลา ทองกร ผู้อำนวยการโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด ร่วมกันแถลงข่าวและลงนามเซ็นสัญญาความร่วมมือ "สิงห์-สโมสรแบดมินตันบ้านทองหยอด" กับภารกิจสร้างนักแบดฯ มือ 1 โลก สัญชาติไทย ที่ห้องสราญรมย์ โพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ค เลียบทางด่วนรามอินทรา เมื่อวันจันทร์ที่ 13 พ.ค. 56

         โดยมี 3 นักแบดฯ ทีมชาติไทย จากสโมสรแบดมินตันบ้านทองหยอด "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ แชมป์เยาวชนโลก 3 สมัย มืออันดับ 5 ของโลก และแชมป์ซูเปอร์ซีรีส์ที่อินเดีย 2013, "อลิศ" ณริฎษาพัชร แลม และ "เจ้าพี" พิสิษฐ์ พูดฉลาด ร่วมแถลงข่าวท่ามกลางผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

         สำหรับความร่วมมือในการเซ็นสัญญาครั้งนี้ นายรังสฤษดิ์กล่าวว่า "ทางสิงห์มีความยินดีที่ได้ให้การสนับสนุนนักกีฬาจากบ้านทอดหยอด ให้ก้าวไปไปสู่ระดับโลก เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สิงห์ คอร์เปอเรชั่น เล็งเห็นความสำคัญในการที่จะร่วมพัฒนาวงการแบดมินตันไทยและนักกีฬาไทยให้ ก้าวไปสู่ระดับโลกให้ได้

         และมีความมั่นใจว่าบ้านทองหยอดมีศักยภาพที่ดีเยี่ยมในการคัดสรรและพัฒนา เยาวชนเข้าสู่วงการแบดมินตัน ตัวอย่างมีให้เห็นชัดเจนเช่นน้องเมย์ที่ตอนนี้ก้าวขึ้นไปอยู่อันดับ 5 ของโลกได้แล้ว แม้จะอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น หวังว่าการสนับสนุนครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมกันผลักดันความสำเร็จให้ เกิดขึ้นกับวงการแบดมินตันไทย

         นอกจากนั้นยังต้องการที่จะเห็นเยาวชนไทยหันมาสนใจในกีฬาชนิดนี้ให้มากขึ้น ยิ่งในตอนนี้กระแสของกีฬาแบดมินตันในบ้านเรากำลังเป็นที่สนใจอีกด้วย ความร่วมมือระหว่างสิงห์ กับ ทองหยอด เป็นสัญญาที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา ทั้งสองฝ่ายต่างตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จตามเป้าหมายเหมือนๆ กัน ส่วนใหญ่สิงห์สนับสนุนกีฬาชนิดใดก็จะสนับสนุนยาวอยู่แล้ว คิดเป็นตัวเลขก็หลายล้านแน่นอน อาจจะเท่ากับการสนับสนุนบางสมาคมกีฬาเลยก็ว่าได้

         สิงห์อยากให้นักแบดฯ ไทยสร้างชื่อเสียงก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ของโลกให้ได้ แบดมินตันถือว่าสรีระของนักกีฬาไทยไม่เสียเปรียบชาติมหาอำนาจในกีฬาชนิดนี้ ทั้ง จีน, อินโดฯ, เกาหลี, มาเลเซีย เราไม่เป็นรองแน่นอน ทั้งหมดถ้าได้รับการสนับสนุนที่ดีแล้วจากนี้ก็ต้องอยู่ที่ตัวนักกีฬาและผู้ ฝึกสอน"

         ทางด้าน "อาปุก" กมลา ทองกร ผู้อำนวยการโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด กล่าวว่า "บ้านทองหยอดต้องขอขอบคุณสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ที่เล็งเห็นความสำคัญของการปลุกปั้นนักกีฬาไทย ตั้งแต่ยังเป็นรุ่นเด็ก รุ่นเยาวชน เพื่อที่จะก้าวไปเป็นมือระดับอาชีพ และก้าวไปเป็นนักกีฬาระดับโลกในอนาคตต่อไป ทางเราก็จะทำงานอย่างเต็มที่ต่อไป

         เพื่อสร้างฝันของทุกฝ่ายให้เป็นจริง โดยเฉพาะการผลักดันนักกีฬาให้ก้าวขึ้นสู่อันดับโลกให้ได้มากที่สุด สิ่งสำคัญสำหรับการร่วมมือกันในครั้งนี้มีทางรัชนกที่กำลังทำผลงานได้ดี สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ทำให้ทางทีมจึงพยายามหาผู้สนับสนุนเพื่อสร้างโอกาสให้กับนักกีฬาคนอื่นๆ ในสังกัดได้มีโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการแข่งขันระดับนานาชาติ การเข้ามาช่วยเหลือของสิงห์จะช่วยผลักดันให้นักกีฬาของเรามีโอกาสและสร้าง กำลังใจที่จะมุ่งมั่น ตั้งใจฝึกซ้อม พัฒนาฝีมือให้ไปสู่เป้าหมายในอนาคต"

         ชมรมแบดมินตันบ้านทองหยอดเริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2534 โดยครอบครัวของ คุณกมลา ทองกร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ลูกๆ และเพื่อนๆ ของลูก มาเล่นแบดมินตันโดยที่ในขณะนั้นลูกๆ ของเธอ ยังไม่มีสังกัดจึงไม่สามารถลงแข่งขันได้ ด้วยความรักในกีฬาแบดมินตัน จึงได้ก่อตั้งเป็นชมรมขึ้นเอง

         โดยใช้ชื่อว่าชมรมแบดมินตันบ้านทองหยอด และได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกสามัญของสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาเหตุที่ใช้ชื่อนี้เนื่องจาก เป็นธุรกิจของคุณกมลาเอง เพื่อนๆ คุณกมลาจึงแนะนำให้ใช้ชื่อนี้ เพราะแสดงถึงคามเป็นคนไทยด้วย

         สำหรับนักกีฬาจากบ้านทองหยอดปัจจุบันที่อยู่ในระดับแนวหน้านั้นประกอบด้วย "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์, "อลิศ" ณริฎษาพัชร แลม, "พี" พิสิษฐ์ พูดฉลาด, รต.ต.สุดเขต ประภากมล, ทรงพล อนุกฤตยาวรรณ และยังมีเยาวชนฝีมือดีที่กวาดแชมป์ในระดับประเทศอีกมากมาย

         อาทิ ฤทัยชนก ไล้สวน, มัทนา เหมรัชตานันท์, กิตติพณ ชัยโรจน์กาญจนา, สุทธิชล พลกัลป์, ธนดล จำปาน้อย, พิชญะ จีนะดิษฐ์, พชรพล นิพรรัมย์, ภัทรสุดา ไชยวรรณ ผู้ฝึกสอน ได้แก่ ภัททพล เงินศรีสุข, เซี่ย จื่อ หัว (ชาวจีน) 
     
       
"เมย์" ไม่เร่งปีนี้ขอแค่ท็อปทรี

         "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ นักแบดฯ มือ 5 ของโลก กล่าวว่า " ตนและเพื่อนๆ ร่วมทีมทุกคนรู้สึกดีใจมากๆ ที่ทางสิงห์เข้ามาช่วยสนับสนุนตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว ทำให้มีโอกาสไปแข่งขันกันมากยิ่งขึ้น  ตอนนี้ตนยังคงฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวันและพยายามแก้ไขจุดบกพร่องของตนเองตลอด

         อย่างในเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกายที่มักแผ่วในเกมตัดสิน ทางทีมได้นำเทรนเนอร์มาฝึกในเรื่องระบบหายใจ  การทำงานของปอด และยังเพิ่มเล่นเวตเทรนนิ่งที่ถูกวิธีอีกด้วย ตนมั่นใจว่าจะทำให้ร่างกายดีขึ้นแน่นอน ในปีนี้ตนทำตามเป้าหมายสำเร็จค่อนข้างเร็วทั้งการขึ้นสู่มือ 5 ของโลก

         และคว้าแชมป์ซูเปอร์ซีรีส์ ทำให้เป้าหมายในปีนี้ต้องเปลี่ยนอีกครั้งด้วยการขยับขึ้นท็อปทรี และคว้าแชมป์พรีเมียร์ซูเปอร์ซีรีส์ ส่วนการขึ้นไปสู่มือ 1 ของโลก ตนขอใช้เวลาอีกสัก 1-2 ปี ไม่ต้องการกดดันตัวเอง ที่สำคัญกลัวปัญหาอาการบาดเจ็บถ้าหักโหมจนเกินไป"

      
โค้ชจีนชี้ที่สุดคือแชมป์โลก-อลป.
           เซี่ย จื่อ หัว ผู้ฝึกสอยชาวจีนกล่าวว่า "ถึงแม้ตอนนี้รัชนกจะมีโปรแกมฝึกซ้อมมากถึงวันละ 3 รอบ แต่ทางทีมได้วางโปรแกมที่มีทั้งหนักและเบาสลับตามความเหมาะสม ไม่หนักตลอดกลัวที่สุดคือเรื่องบาดเจ็บ ซึ่งมีให้เห็นชัดเจนในมือท็อปของโลกตอนนี้ทั้ง หวัง อี่หาน และ หลี่ เสี่ยวเล่ย จากจีน รวมไปถึง ไซน่า เนวาล จากอินเดีย ที่มีปัญหาบาดเจ็บในช่วงนี้  เราจะค่อยๆ สร้างรัชนก ขึ้นมาเพื่อสู่เป้าหมายใหญ่ทั้งแชมปืโลก และ เหรียญทอง อลป. ให้ได้"
    
      
สิงห์จัดให้ชิลล์ๆปีนี้เกือบ 30 แมตช์

         "อาปุก" กมลา ทองกร ผู้อำนวยการโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด ก"ล่าวว่า " ทางทีมได้เสนอทัวร์นาเมนต์แข่งขันสำหรับนักกีฬาจากสโมสรแบดมินตันบ้านทอง หยอด ทั้งในรุ่นใหญ่ และ เยาวชน ที่จะส่งออกไปแข่งขันที่ต่างประเทศคร่าวๆประมาณ 30 ทัวร์นาเมนต์

         แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้างตามสถานการณ์  อย่าง รัชนก เฉพาะรายการ ซูเปอร์ซีรี่ย์ และ พรีเมียร์ซูเปอร์ซีรี่ย์ ทั้งปีก็ 12 รายการแล้ว ยังมีทัวร์นาเมนต์ระดับเยาวชนอีกหลายรายการที่เราต้องการส่งนักกีฬาไปแข่ง ขันเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ก่อนที่จะถึงการแข่งขันชิงแชมป์เยาวชนโลก 2013 ที่
ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน


ขอขอบคุณ http://www.siamsport.co.th

ว่าด้วยเรื่อง"กีฬาไทย"

       
            กีฬาไทยมีกำเนิดจากการละเล่นพื้นเมืองในเทศกาลต่าง ๆ เมื่อว่างจากการศึกสงคราม ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้ง “สมาคมกีฬาสยาม” วันที่ 5 มกราคม 2475 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย พระยาภิรมย์ภักดีเป็นนายกสมาคมคนแรก กีฬาที่จัดแข่งขันเป็นประจำ คือ ว่าว ตะกร้อ และหมากรุกไทย
           พ.ศ. 2475 – 2480 นายยิ้ม ศรีพงษ์ เป็นนายกสมาคมกีฬาสยามคนที่ 2 มีการแข่งขันกีฬาหมากรุก ว่าว ตะกร้อวงเล็ก ตะกร้อวงใหญ่ ตะกร้อธง ตะกร้อข้ามตาข่าย และตะกร้อลอดบ่วง หลวงมงคลแมน (สังข์ บูรณะศิริ) คือ ผู้ประดิษฐ์ห่วงตะกร้อที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน
           พ.ศ. 2480 – 2484 นาวาเอกหลวงศุภชลาศัย ร.น. ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งวงการพลศึกษาของเมืองไทย เป็นนายกสมาคมกีฬาสยาม คนที่ 3
           พ.ศ. 2487 ประเทศสยามเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทย จึงเปลี่ยนชื่อเป็นสมาคมกีฬาไทย
           พ.ศ. 2487 – 2490 พระยาจินดารักษ์ เป็นนายกสมาคม คนที่ 4
           พ.ศ. 2490 – 2498 พันเอกหลวงรณสิทธิ์พิชัย เป็นนายกสมาคม คนที่ 5 วันที่ 18 เมษายน 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับสมาคมกีฬาไทยไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์
           พ.ศ. 2508 เป็นสมาชิกของสหพันธ์กีฬาแห่งเอเซีย (Association Sepak Takraw Federation of Asia)


                               
          ขอขอบคุณ thaigoodview.com

ว่าด้วยเรื่อง"ตะกร้อ"

          ตะกร้อเป็นกีฬาพื้นเมืองของไทยมาแต่โบราณ การเล่นตะกร้อของไทยมีวิธีเล่น ๕ ชนิดคือ
         ๑. ตะกร้อวง หรือตะกร้อเตะทน เล่นโดยผู้เล่นแต่ละทีมล้อมวงเตะลูกตะกร้อโต้กันไปมา
เป็นคู่ๆไม่ให้ลูกตะกร้อตกดิน นับจำนวนครั้งที่แต่ละคู่ในทีมเตะได้ก่อนลูกตกดิน เมื่อเตะครบทุกคู่ในทีมแล้วนำจำนวนครั้งที่ทำได้ของทุกคู่มารวมกันเป็นคะแนน ของทีม
         ๒.ตะกร้อพลิกแพลง เป็นการเล่นส่วนบุคคล ผู้เล่นเตะหรือเดาะเลี้ยงลูกตะกร้อด้วยท่าพลิกแพลงต่างๆต่อเนื่องกันโดยไม่ ให้ลูกตะกร้อตกดิน โดยผู้เล่นต้องพยายามเดาะลูกตะกร้อด้วยท่าที่พลิกแพลงกว่า ยากกว่า สวยงามกว่าและนานกว่าคู่แข่งขัน
         ๓.ตะกร้อลอดห่วง หรือ ตะกร้อลอดบ่วง เล่นเป็นทีมโดยการนำห่วงแขวนห้อยสูงจากพื้นไว้กลางวง ให้ผู้เล่นเตะลูกตะกร้อโต้กันไปมา เมื่อเตะให้ลอดห่วงได้ก็จะได้คะแนนตามความยากง่ายของท่าที่เตะลอดห่วง
         ๔.ตะกร้อข้ามตาข่าย เป็นการเล่นโดยแบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ทีม อยู่คนละฝั่งของสนามสี่เหลี่ยมคล้ายสนามกีฬาแบดมินตัน แข่งกันเตะข้ามตาข่ายโต้กันไปมา พยายามไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรับลูกได้ โดยมีกฎกติกาการเล่นคล้ายกีฬาแบดมินตัน
        ๕.ตะกร้อชิงธง การเล่นคล้ายการแข่งขันวิ่งวัวหรือวิ่งเร็ว แต่เป็นการวิ่งไปพร้อมๆกับเดาะเลี้ยงลูกตะกร้อไป ด้วยส่วนต่างๆของร่างกายยกเว้นมือ จากเส้นเริ่มไปยังเส้นชัย ที่มีระยะทางประมาณ ๕๐ เมตร โดยไม่ให้ลูกตะกร้อตกถูกพื้นดิน
ตะกร้อมีคุณค่า ต่อผู้เล่นทั้งด้านร่างกาย สมองและจิตใจ รวมทั้งยังช่วยให้เรียนรู้วัฒนธรรมทั้งในการทำลูกตะกร้อและวิธีการเตะตะกร้อ แบบไทยด้วยลีลาท่าทางต่างๆที่สวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไทยแท้

ขอขอบคุณ http://ich.culture.go.th

ความภูมิใจของคนไทยสู่"วันกีฬาแห่งชาติ"

           รัฐบาลได้ทำการส่งเสริมทางด้านการส่งเสริมทางด้านกีฬาไทยด้วยดีเสมอมา เพราะตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของการเล่นกีฬา นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายแล้ว ยังทำให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง การกีฬายังเป็นเครื่องช่วยผ่อนคลายความเครียด ช่วยปรับปรุงในด้านความคิดและอุปนิสัยให้ประชาชนในชาติ เป็นผู้มีความเสียสละ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และมีความสามัคคีต่อกัน
        
           ความเป็นมา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2510 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นตัวแทนของนักกีฬาทีมชาติไทย เข้าร่วมกางแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 ที่กรุงเทพฯ และทรงชนะเลิศได้รับเหรียญทองในการแข่งขันเรือใบประเภท โอ.เค. ซึ่งถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ทางการกีฬาของประเทศไทย นอกเหนือจากกีฬาเรือใบแล้ว แบดบินตันก็เป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิ พลอดุลยเดช ทรงโปรดปรานมากเช่นกัน ในหอประชุมวังจิตรลดาฯ ได้ปรับแต่งเป็นสนามแบดมินตันมาตรฐาน ส่วนมากพระองค์จะทรงแบดมินตันในตอนเย็นและวันศุกร์ และเช้าวันอาทิตย์ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทางการกีฬานี้ เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลกว่า พระองค์ทรงเป็นนักกีฬาอย่างแท้จริงและทรงสนับสนุนกีฬาจนเป็นที่ปรากฏชัด
         
          ดังนั้นในการประชุมใหญ่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลครั้งที่ 29 ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีนายฮวน อันโตนีโอ ซามาร้านซ์ ประธานคณะโอลิมปิกสากล เป็นประธานการประชุมพร้อมทั้งสมาชิกเข้าร่วมประชุมอีก 87 ประเทศ ได้มีมติเอกฉันท์ให้ทูลเกล้าฯถวายเหรียญดุษฎีกิตติมศักดิ์ของโอลิมปิกสากล คือ "อิสรยาภรณ์โอลิมปิกชั้นสูงสุด" (ทอง) แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ณ ศาลาดุสิตาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯถวายเหรียญโอลิมปิกชั้นสูง สมควรที่นักกีฬาและประชาชนชาวไทยควรที่จะเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท อันจะเป็นโอกาสให้สามารถนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติและวงศ์ตระกูล

         
          เพื่อเป็นการระลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นนักกีฬาตัวแทนของชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 และเพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนชาวไทยเห็นคุณค่าความสำคัญของการกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย จึงได้มีมตินำเสนอคณะรัฐมนตรีลงความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2529 กำหนดให้วันที่ 16 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวัน "วันกีฬาแห่งชาติ"ณ

   ขอขอบคุณ http://irrigation.rid.go.th 

บอลไทย"โดนของ"

        พูดถึง ''คุณไสย'' หรือไสยศาสตร์ในยุคนี้ ยุคที่ทุกเครือข่ายกำลังจะเป็น 3G ทีวีกำลังจะเป็นดิจิตอล และสารพัดสารพันไฮเทค ใครๆ ก็มักจะบอกว่าเลอะเทอะสิ้นดี ยังมีอีกหรือ พวกเสกหนังควายเข้าท้อง อ้วกออกมาเป็นตะปู
     
  แต่ไอ้ที่ไม่เชื่อก็ ต้องบอกว่าความเชื่อเหล่านี้ยังหลงเหลืออยู่ครับ...ถ้าหลงเหลืออยู่กับบรรดา แม่บ้าน ทำของ ทำเสน่ห์ ดึงดูดผัวไม่ให้มีเมียน้อยก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอล วงการกีฬาที่ต้องใช้ความสามารถ ความฟิต ความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นตัวตัดสิน แล้วไสยศาสตร์มันเกี่ยวอะไรด้วยฟะ?
        ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา เราได้ยินได้ฟังเรื่องไสยศาสตร์ในวงการฟุตบอลลีกบ้านเรามาหลายเรื่อง ตั้งแต่มีนักเตะคนหนึ่งของขอนแก่นที่อยู่ๆ ก็วูบไปในสนาม พอฟื้นขึ้นมาก็เล่าให้ใครต่อใครฟังว่าก่อนจะวูบมีเงาของพ่อปู่ท่านหนึ่ง มากระซิบอะไรสักอย่างแล้วก็วูบไป ทำเอาต้องทำบุญกันใหญ่

        ล่าสุด ประธานสโมสรกระบี่ ทีมในดิวิชั่น 1 ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าสาเหตุที่นักเตะในทีมเจ็บอยู่บ่อยๆ เป็นเพราะมีผู้ไม่หวังดี ทำคุณไสยใส่ด้วยการเอาโครงไก่ไปฝังไว้ใต้สนาม นักบอลก็เลยเจ็บกันแบบไม่ควรเจ็บ ทีมแพ้แบบไม่ควรแพ้

        นั่นเป็นแค่ตัวอย่างที่เห็นๆอยู่เท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วผมเชื่อว่าคุณไสยอยู่คู่กับวงการฟุตบอลไทยมานาน และยังคงอยู่ ผมได้ยินมาอีกเช่นกันว่า ในประตูแต่ละสนาม จะมีการฝังหุ่น หรือฝังวัตถุที่ปลุกเสกเอาไว้ด้วยความเชื่อว่าจะทำให้ประตูเหนียว เสียประตูยากอยู่ยงคงกระพัน ลองสังเกตดูซิครับ โกลเกือบทุกทีมก่อนที่จะเริ่มทำการแข่งขันจะต้องไปไหว้เสาประตู 2 ข้างก่อนจะยกมือบอกกรรมการว่าพร้อมจะทำหน้าที่แล้ว

        นักฟุตบอลก็เหมือนกัน ท่าบังคับเวลาวิ่งลงสนามก็คือ การค้อมตัวลงไปใช้มือสัมผัสหญ้านิดหนึ่ง แล้วมาแตะหัวก่อนจะยกมือไหว้ เพื่อเป็นสิริมงคลและฝากเนื้อฝากตัวกับพื้นสังเวียน

        เรื่องอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่เขาว่ากันว่า นายประตูทีมหนึ่งไม่เชื่อในเรื่องลี้ลับ เล่นๆ อยู่เกิดปวดฉี่ขึ้นมา ตัดสินใจนั่งแอ่นละแน้ ฉี่ใส่เสาโกลที่เพื่อนร่วมอาชีพยกมือไหว้ซะเลย หลังจากฉี่เสร็จว่ากันว่านายทวารรายนั้นผลงานร่วงเอ๊า ร่วงเอา ทีมก็ขยันแพ้จนตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 1 ป่านนี้ยังกลับมาไม่ได้เลย

        ไม่ใช่แค่ความเชื่อของนักฟุตบอลนะครับ ตัวพ่อแห่งความเชื่อเรื่องคุณไสยนี่ ว่ากันว่าเกิดจากบรรดาเจ้าของทีมทั้งนักธุรกิจ นักการเมืองทั้งหลายนั่นแหละเป็นตัวเอ้เลย พวกนี้วิชาเยอะซะด้วย มีครบทั้งหมอผีภาคใต้ คุณไสยภาคอีสาน ตำนานภาคกลาง ฯลฯ บางทีมถึงกับอิมพอร์ตหมอผีมาจากต่างประเทศเลยทีเดียว

        ล่าสุด ผมนั่งคุยกับประธานสโมสรท่านหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังว่า ในบรรดาทีมไทยลีกนี่แต่ละทีมล้วนแล้วแต่มีความเชื่อที่แตกต่างกัน ที่แน่ๆ ทุกทีมถือว่าเรื่องของสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นปัจจัยหนึ่งในการทำฟุตบอล ต้องมีงบประมาณไว้เลยสำหรับให้อาจารย์หมอทำพิธีให้ ไม่ว่าจะเป็นพิธีอย่างง่าย เช่น ข้าวตอก ดอกไม้ ไข่ต้ม ไก่ต้ม ไหว้ศาลก่อนลงสนาม หรือพิธีอย่างยาก เช่น กลวิธีในการชนะคู่ต่อสู้ด้วยการเอาปัสสาวะของนักเตะตัวเด่นๆ ในทีม ไปเทราดสนามคู่ต่อสู้เอาฤกษ์ เอาชัย เอาเสื้อทีมคู่ต่อสู้ไปทำพิธีตัดไม้ข่มนาม เหล่านี้เขาว่ามันมีอยู่จริง

        ในบรรดาอาจารย์ทั้งหมดเขาว่าอาจารย์ที่ขลัง ฉมัง มาแรงที่สุดในวงการฟุตบอลไทยยามนี้ แม้จะจ่ายแพงหน่อย แต่ได้ผลทันตา ชื่อ "อาจารย์เปา" อาจารย์เปานี่ชอบสีดำครับ มักจะใส่ชุดสีดำไปเดินอยู่แถวสนามแข่งขัน แว่วๆว่าช่วงหลังความนิยมที่สูงขึ้นทำให้ค่าตัวของ "อาจารย์เปา" ในการ "ลงของ" ให้ทีมได้รับชัยชนะกระโดดจากครั้งละ 5 หมื่น เป็น 2 แสนบาท เรียบร้อยแล้ว

       ขั้นตอนในการให้อาจารย์เปาช่วย หลังจากศรัทธาเชื่อถือกันแล้ว จะมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นคนติดต่อ คิดค่ายกครูตามความยากง่ายของทีมที่เจอ เมื่อตกลงยกครูกันแล้วก็จะต้องโอนเงินให้ก่อนครึ่งหนึ่ง จากนั้นอาจารย์เปาจะใช้เวลาตั้งแต่วันพุธจนถึงวันเสาร์ที่จะมีการแข่งขัน ทำพิธีกรรม โดยจะเริ่มจากการเสกกุมารทองให้ได้ 3 ตัว จับทั้งสามกุมารทองมาลงนะ อักขระ อัดฉีดด้วยน้ำแดงเฮลซ์บลูบอย จูงใจด้วยของเล่นอย่างรถจำลอง ล่อกุมารทองให้ทำงานให้ ถ้าทำได้ครบ 30 กว่านัดจนจบฤดูกาลอาจารย์จะให้รถจริงไว้ขี่บนถนนจริงๆ 

        ไอ้กุมารทองเหล่านี้พอโดนของอาจารย์เปาไป วันที่มีฟุตบอลแข่งขัน พลานุภาพจากการปลุกเสกของอาจารย์จะทำให้พวกมันยกมือไม่ขึ้น ตาพร่ามัว เห็นสีเสื้อนักฟุตบอลเป็นคนละสี ลมปากที่จะสูดเข้า หรือ เป่าออกจะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับที่เห็น

        อาจารย์ช่วยมันได้ทุกอย่าง มีอย่างเดียวที่อาจารย์เปาช่วยบรรดากุมารทองไม่ได้ ก็คือพวกมันมักจะโดนกระทืบจากคนดูที่เขาจับได้ว่ามันมีการเล่นปาหี่เกิดขึ้น ถ้าอาจารย์มีฤทธิ์เดชขนาดป้องกันการโดนกระทืบได้ เชื่อว่าในอนาคตค่าตัวของกุมารทองจะแพงขึ้น คนจะหันมาใช้งานของอาจารย์เปามากขึ้น

        วันนี้บรรดาผู้รู้ในวงการฟุตบอล เขาเลยฝากผมมาบอกว่า ชั่วโมงนี้หากอยากชนะไม่ต้องไปหาหมอผี เทวดา ที่ไหน มาทำพิธีหรอกครับ เดินไปสำนัก "อาจารย์เปา" นี่แหละ เป่าเพี้ยงเดียว เสกผลจากแพ้เป็นเสมอ เสมอเป็นชนะได้ทันที!!... แถมคาถาไม่ออกฤทธิ์ ยินดีคืนตังค์ให้ด้วย เอาซิ!!!                                                                                    ขอขอบคุณ  ปูเป
                                                                            จาก http://www.siamsport.co.th